วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ระบบสุริยะ

ระบบสุริยะจักรวาล

ระบบสุริยะจักรวาล

ระบบสุริยะ ประกอบด้วยดวงอาทิตย์และวัตถุอื่นๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ เช่น ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และดาวบริวาร โลกเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 3 โดยทั่วไป ถ้าให้ถูกต้องที่สุดควรเรียกว่า ระบบดาวเคราะห์ เมื่อกล่าวถึงระบบที่มีวัตถุต่างๆ โคจรรอบดาวฤกษ์

ระบบ สุริยะ คือระบบดาวที่มีดาวฤกษ์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ (Planet) เป็นบริวารโคจรอยู่โดยรอบ เมื่อสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ต่อการดำรงชีวิต สิ่งมีชีวิตก็จะเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์เหล่านั้น หรือ บริวารของดาวเคราะห์เองที่เรียกว่าดวงจันทร์ (Satellite) นักดาราศาสตร์เชื่อว่า ในบรรดาดาวฤกษ์ทั้งหมดกว่าแสนล้านดวงในกาแลกซี่ทางช้างเผือก ต้องมีระบบสุริยะที่เอื้ออำนวยชีวิตอย่าง ระบบสุริยะที่โลกของเราเป็นบริวารอยู่อย่างแน่นอน

เพียง แต่ว่าระยะทางไกลมากเกินกว่าความสามารถในการติดต่อจะทำได้ถึงที่โลกของเรา อยู่เป็นระบบที่ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็นศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ (Planets) 9 ดวง ที่เราเรียกกันว่า ดาวนพเคราะห์ ( นพ แปลว่า เก้า) เรียงตามลำดับ จากในสุดคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต ( ตอนนี้ไม่มีพลูโตแร้ว เหลือแค่ 8 ดวง )

และ ยังมีดวงจันทร์บริวารของ ดวงเคราะห์แต่ละดวง (Moon of sattelites) ยกเว้นเพียง สองดวงคือ ดาวพุธ และ ดาวศุกร์ ที่ไม่มีบริวาร ดาวเคราะห์น้อย (Minor planets) ดาวหาง (Comets) อุกกาบาต (Meteorites) ตลอดจนกลุ่มฝุ่นและก๊าซ ซึ่งเคลื่อนที่อยู่ในวงโคจร ภายใต้อิทธิพลแรงดึงดูด จากดวงอาทิตย์ ขนาดของระบบสุริยะ กว้างใหญ่ไพศาลมาก เมื่อเทียบระยะทาง ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์

ซึ่ง มีระยะทางประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร หรือ 1au.(astronomy unit) หน่วยดาราศาสตร์ กล่าวคือ ระบบสุริยะมีระยะทางไกลไปจนถึงวงโคจร ของดาวพลูโต ดาว เคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ในระบบสุริยะ ซึ่งอยู่ไกล เป็นระยะทาง 40 เท่าของ 1 หน่วยดาราศาสตร์ และยังไกลห่างออก ไปอีกจนถึงดงดาวหางอ๊อต (Oort's Cloud) ซึ่งอาจอยู่ไกลถึง 500,000 เท่า ของระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ด้วย ดวงอาทิตย์มีมวล มากกว่าร้อยละ 99 ของมวลทั้งหมดในระบบสุริยะที่เหลือ

ระบบสุริยะจักรวาล

นอก นั้นจะเป็นมวลของ เทหวัตถุต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และอุกกาบาต รวมไปถึงฝุ่นและก๊าซ ที่ล่องลอยระหว่าง ดาวเคราะห์ แต่ละดวง โดยมีแรงดึงดูด (Gravity) เป็นแรงควบคุมระบบสุริยะ ให้เทหวัตถุบนฟ้าทั้งหมด เคลื่อนที่เป็นไปตามกฏแรง แรงโน้มถ่วงของนิวตัน ดวงอาทิตย์แพร่พลังงาน ออกมา ด้วยอัตราประมาณ 90,000,000,000,000,000,000,000,000 แคลอรีต่อวินาที

เป็น พลังงานที่เกิดจากปฏิกริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ โดยการเปลี่ยนไฮโดรเจนเป็นฮีเลียม ซึ่งเป็นแหล่งความร้อนให้กับดาว ดาวเคราะห์ต่างๆ ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์ จะเสียไฮโดรเจนไปถึง 4,000,000 ตันต่อวินาทีก็ตาม แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังมีความเชื่อว่าดวงอาทิตย์ จะยังคงแพร่พลังงานออกมา ในอัตราที่เท่ากันนี้ได้อีกนานหลายพันล้านปี

ชื่อ ของดาวเคราะห์ทั้ง 9 ดวงยกเว้นโลก ถูกตั้งชื่อตามเทพของชาวกรีก เพราะเชื่อว่าเทพเหล่านั้นอยู่บนสรวงสวรค์ และเคารพบูชาแต่โบราณกาล ในสมัยโบราณจะรู้จักดาวเคราะห์เพียง 5 ดวงเท่านั้น(ไม่นับโลกของเรา) เพราะสามารถเห็นได้ ด้วยตาเปล่าคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ประกอบกับดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ รวมเป็น 7 ทำให้เกิดวันทั้ง 7 ในสัปดาห์นั่นเอง และดาวทั้ง 7 นี้จึงมีอิทธิพลกับดวงชะตาชีวิตของคนเราตามความเชื่อถือทางโหราศาสตร์ ส่วนดาวเคราะห์อีก 3 ดวง คือ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต ถูกค้นพบภายหลัง แต่นักดาราศาสตร์ก็ตั้งชื่อตามเทพของกรีก เพื่อให้สอดคล้องกันนั่นเอง

ทฤษฎีการกำเนิดของระบบสุริยะ

หลัก ฐานที่สำคัญของการกำเนิดของระบบสุริยะก็คือ การเรียงตัว และการเคลื่อนที่อย่างเป็นระบบระเบียบของดาว เคราะห์ ดวงจันทร์บริวาร ของดาวเคราะห์ และดาวเคราะห์น้อย ที่แสดงให้เห็นว่าเทหวัตถุ ทั้งมวลบนฟ้า นั้นเป็นของ ระบบสุริยะ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ที่เทหวัตถุท้องฟ้าหลายพันดวงจะมีระบบโดยบังเอิญโดยมิได้มีจุดกำเนิดร่วมกัน

Piere Simon Laplace ได้เสนอทฤษฎีจุดกำเนิดของระบบสุริยะ ไว้เมื่อปี ค.ศ.1796 กล่าวว่า ในระบบสุริยะจะมีมวลของก๊าซรูปร่างเป็นจานแบนๆ ขนาดมหึมาหมุนรอบ ตัวเองอยู่ ในขณะที่หมุนรอบตัวเองนั้นจะเกิดการหดตัวลง เพราะแรงดึงดูดของมวลก๊าซ ซึ่งจะทำให้อัตราการหมุนรอบตัวเองนั้นจะเกิดการหดตัวลงเพราะแรงดึงดูดของ ก๊าซ ซึ่งจะทำให้อัตราการ หมุนรอบตังเองมีความเร็วสูงขึ้นเพื่อรักษาโมเมนตัมเชิงมุม (Angular Momentum) ในที่สุด

เมื่อ ความเร็วมีอัตราสูงขึ้น จนกระทั่งแรงหนีศูนย์กลางที่ขอบของกลุ่มก๊าซมีมากกว่าแรงดึงดูด ก็จะทำให้เกิดมีวงแหวน ของกลุ่มก๊าซแยก ตัวออกไปจากศุนย์กลางของกลุ่มก๊าซเดิม และเมื่อเกิดการหดตัวอีกก็จะมีวงแหวนของกลุ่มก๊าซเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ วงแหวนที่แยกตัวไปจากศูนย์กลางของวงแหวนแต่ละวงจะมีความกว้างไม่เท่ากัน ตรงบริเวณที่มีความหนาแน่นมากที่สุดของวงจะคอยดึงวัตถุทั้งหมดในวงแหวน มารวมกันแล้วกลั่นตัวเป็นดาวเคราะห์ ดวงจันทร์ของดาว ดาวเคราะห์จะเกิดขึ้นจากการหดตัวของดาวเคราะห์

สำหรับดาวหางและสะเก็ดดาวนั้น เกิดขึ้นจากเศษหลงเหลือระหว่าง การเกิดของดาวเคราะห์ดวงต่างๆ ดังนั้นดวงอาทิตย์ในปัจจุบันก็คือ มวลก๊าซ ดั้งเดิมที่ทำให้เกิดระบบสุริยะขึ้นมานั่นเอง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายทฤษฎีที่มีความเชื่อในการเกิดระบบสุริยะ แต่ในที่สุดก็มีความเห็นคล้ายๆ กับแนวทฤษฎีของ Laplace ตัวอย่างเช่น ทฤษฎีของ Coral Von Weizsacker นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ซึ่งกล่าวว่า มีวงกลมของกลุ่มก๊าซและฝุ่นละอองหรือเนบิวลา ต้นกำเนิดดวงอาทิตย์ (Solar Nebular) ห้อมล้อมอยู่รอบดวงอาทิตย์

ขณะ ที่ดวงอาทิตย์เกิดใหม่ๆ และละอองสสารในกลุ่มก๊าซ เกิดการกระแทกซึ่งกันและกัน แล้วกลายเป็นกลุ่มก้อนสสาร ขนาดใหญ่ จนกลายเป็นเทหวัตถุแข็ง เกิดขั้นในวงโคจรของดวงอาทิตย์ ซึ่งเราเรียกว่า ดาวเคราะห์และดวงจันทร์ของดาวเคราะห์นั่นเอง

ระบบ สุริยะของเรามีขนาดใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับโลกที่เราอาศัยอยู่ แต่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับกาแล็กซีของเราหรือ กาแล็กซีทางช้างเผือก ระบบสุริยะตั้งอยู่ในบริเวณวงแขนของกาแล็กซีทางช้างเผือก (Milky Way) ซึ่งเปรียบเสมือนวงล้อยักษ์ที่หมุนอยู่ในอวกาศ โดยระบบสุริยะ จะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางของกาแล็กซีทางช้างเผือกประมาณ 30,000 ปีแสง ดวงอาทิตย์ จะใช้เวลาประมาณ 225 ล้านปี ในการเคลื่อนครบรอบจุดศูนย์กลาง ของกาแล็กซี ทางช้างเผือกครบ 1 รอบ

นัก ดาราศาสตร์จึงมีความเห็นร่วมกันว่า เทหวัตถุทั้งมวลในระบบสุริยะไม่ว่าจะเป็นดาวเคราะห์ทุกดวง ดวงจันทร์ของ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และอุกกาบาต เกิดขึ้นมาพร้อมๆกัน มีอายุเท่ากันตามทฤษฎีจุดกำเนิดของระบบ สุริยะ และจากการนำ เอาหิน จากดวงจันทร์มา วิเคราะห์การสลายตัว ของสารกัมมันตภาพรังสี ทำให้ทราบว่าดวงจันทร์มี อายุประมาณ 4,600 ล้านปี

ใน ขณะเดียวกัน นักธรณีวิทยาก็ได้คำนวณ หาอายุของหินบนผิวโลก จากการสลายตัว ของอตอม อะตอมยูเรเนียม และสารไอโซโทป ของธาตุตะกั่ว ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า โลก ดวงจันทร์ อุกกาบาต มีอายุประมาณ 4,600 ล้านปี และอายุของ ระบบสุริยะ นับตั้งแต่เริ่มเกิดจากฝุ่นละอองก๊าซ ในอวกาศ จึงมีอายุไม่เกิน 5000 ล้านปี ในบรรดาสมาชิกของระบบสุริยะซึ่งประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดวงจันทร์ ของดาวเคราะห์ดาวหาง อุกกาบาต สะเก็ดดาว รวมทั้งฝุ่นละองก๊าซ อีกมากมาย นั้นดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ 9 ดวง จะได้รับความสนใจมากที่สุดจากนักดาราศาสตร์

ระบบสุริยะจักรวาล

วัตถุในระบบสุริยะ

ดวงอาทิตย์ เป็น ดาวฤกษ์ที่มีชนิดสเปกตรัม G2 มีมวลประมาณ 99.86% ของทั้งระบบ ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมี 8 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และ ดาวเนปจูน

ดาวบริวาร คือ วัตถุที่โคจรรอบดาวเคราะห์ ฝุ่นและอนุภาคขนาดเล็กอื่นๆ ที่ประกอบกันเป็นวงแหวนโคจรรอบดาวเคราะห์ ขยะอวกาศที่โคจรรอบโลก เป็นชิ้นส่วนของจรวด ยานอวกาศ หรือดาวเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้น

ซากจากการก่อตัวของดาวเคราะห เป็นเศษฝุ่นที่จับตัวกันในยุคแรกที่ระบบสุริยะก่อกำเนิด อาจหมายรวมถึงดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง

ดาวเคราะห์น้อย คือ วัตถุที่มีขนาดเล็กกว่าดาวเคราะห์ ส่วนใหญ่มีวงโคจรไม่เกินวงโคจรของดาวพฤหัสบดี อาจแบ่งได้เป็นกลุ่มและวงศ์ ตามลักษณะวงโคจร

ดาวบริวารดาวเคราะห์น้อย คือ ดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กที่โคจรรอบดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่าหรืออาจมีขนาดพอๆ กัน

ดาวเคราะห์น้อยทรอย คือ ดาวเคราะห์น้อยที่มีวงโคจรอยู่ในแนววงโคจรของดาวพฤหัสบดีที่จุด L4 หรือ L5 อาจใช้ชื่อนี้สำหรับดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ที่จุดลากรางจ์ของดาวเคราะห์ดวง อื่นๆ ด้วย

สะเก็ดดาว คือ ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเท่าก้อนหินขนาดใหญ่ลงไปถึงผงฝุ่น

ดาวหาง คือ วัตถุ ที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็ง มีวงโคจรที่มีความรีสูง โดยปกติจะมีจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่ภายในวงโคจรของดาวเคราะห์วงใน และมีจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดห่างไกลเลยวงโคจรของดาวพลูโต ดาวหางคาบสั้นมีวงโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ดาวหางที่มีอายุเก่าแก่มักสูญเสียน้ำแข็งไปหมดจนกลายเป็นดาวเคราะห์น้อย ดาวหางที่มีวงโคจรเป็นรูปไฮเพอร์โบลา อาจมีกำเนิดจากภายนอกระบบสุริยะ

เซนทอร์ คือ วัตถุคล้ายดาวหางที่มีวงโคจรรีน้อยกว่าดาวหาง มักอยู่ในบริเวณระหว่างวงโคจรของดาวพฤหัสบดีและดาวเนปจูน

วัตถุทีเอ็นโอ คือ วัตถุที่มีกึ่งแกนเอกของวงโคจรเลยดาวเนปจูนออกไป

วัตถุแถบไคเปอร์ มีวงโคจรอยู่ระหว่าง 30 ถึง 50 หน่วยดาราศาสตร์ คาดว่าเป็นที่กำเนิดของดาวหางคาบสั้น บางครั้งจัดดาวพลูโตเป็นวัตถุประเภทนี้ด้วย นอกเหนือจากการเป็นดาวเคราะห์ จึงเรียกชื่อวัตถุที่มีวงโคจรคล้ายดาวพลูโตว่าพลูติโน

วัตถุเมฆออร์ต คือ วัตถุที่คาดว่ามีวงโคจรอยู่ระหว่าง 50,000 ถึง 100,000 หน่วยดาราศาสตร์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นถิ่นกำเนิดของดาวหางคาบยาว

เซดนา วัตถุที่เพิ่งค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีวงโคจรเป็นวงรีสูงมาก ห่างดวงอาทิตย์ระหว่าง 76-850 หน่วยดาราศาสตร์ ไม่สามารถจัดอยู่ในประเภทใดได้ แม้ว่าผู้ค้นพบให้เหตุผลสนับสนุนว่ามันอาจเป็นส่วนหนึ่งของเมฆออร์ต ฝุ่นซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในระบบสุริยะ อาจเป็นสาเหตุของปรากฏการณ์แสงจักรราศี ฝุ่นบางส่วนอาจเป็นฝุ่นระหว่างดาวที่มาจากนอกระบบสุริยะ

ระบบสุริยะจักรวาล

ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาล

ดวงอาทิตย์ (Sun)

เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาล อยู่ห่างจากโลกเป็นระยะทางประมาณ 93 ล้านไมล์ และมีขนาดใหญ่กว่าโลกมากกว่า 1 ล้านเท่า มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาวกว่าโลก 100 เท่า ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตัวเอง ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของโลก อุณหภูมิของดวงอาทิตย์อยู่ระหว่าง 5,500 - 6,100 องศาเซลเซียส พลังงานของดวงอาทิตย์ทั้งหมดเกิดจากก๊าซไฮโดรเจน โดยพลังงานดังกล่าวเกิดจากปฏิกริยานิวเคลียร์ภายใต้สภาพความกดดันสูงของดวง อาทิตย์ ทำให้อะตอมของไฮโดรเจนซึ่งมีอยู่มากบนดวงอาทิตย์ทำปฏิกริยาเปลี่ยนเป็น ฮีเลียม

ซึ่งจะส่งผ่านพลังงานดังกล่าวมาถึงโลกได้เพียง 1 ใน 200 ล้านของพลังงานทั้งหมด นอกจากนั้นบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ยังเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของพลังงานความร้อนบนดวงอาทิตย์อันเนื่องมาจากจุดดับบนดวง อาทิตย์ (Sunspot) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการแปรผันของพายุแม่เหล็ก และพลังงานความร้อน ทำให้อนุภาคโปรตรอนและอิเล็กตรอนหลุดจากพื้นผิวดวงอาทิตย์สู่ห้วงอวกาศ เรียกว่า ลมสุริยะ (Solar Wind) และแสงเหนือและใต้ (Aurora) เป็นปรากฏการณ์ที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้

การเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sunspot) บางครั้งเราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และจะเห็นได้ชัดเจนเวลาดวงอาทิตย์ใกล้ตกดิน จุดดับของดวงอาทิตย์จะอยู่ประมาณ 30 องศาเหนือ และ ใต้ จากเส้นศูนย์สูตร ที่เห็นเป็นจุดสีดำบริเวณดวงอาทิตย์เนื่องจากเป็นจุดที่มีแสงสว่างน้อย มีอุณหภูมิประมาณ 4,500 องศาเซลเซียส ต่ำกว่าบริเวณโดยรอบประมาณ 2,800 องศาเซลเซียส นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าก่อนเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์นั้น ได้รับอิทธิพลจากอำนาจแม่เหล็กไฟฟ้าบริเวณพื้นผิวดวงอาทิตย์มีการเปลี่ยน แปลง ทำให้อุณหภูมิบริเวณดังกล่าวต่ำกว่าบริเวณอื่นๆ และเกิดเป็นจุดดับบนดวงอาทิตย์

แสงเหนือและแสงใต้ (Aurora) เป็น ปรากฏการณ์ที่เกิดบริเวณขั้วโลกเหนือ และขั้วโลกใต้ มีลักษณะเป็นลำแสงที่มีวงโค้ง เป็นม่าน หรือ เป็นแผ่น เกิดเหนือพื้นโลกประมาณ 100 - 300 กิโลเมตร ณ ระดับความสูงดังกล่าวก๊าซต่างๆ จะเกิดการแตกตัวเป็นอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า และเมื่อถูกแสงอาทิตย์จะเกิดปฏิกริยาที่ซับซ้อนทำให้มองเห็นแสงตกกระทบเป็น แสงสีแดง สีเขียว หรือ สีขาว บริเวณขั้วโลกทั้งสองมีแนวที่เกิดแสงเหนือและแสงใต้บ่อย เราเรียกว่า "เขตออโรรา" (Aurora Zone)

ดาวพุธ (Mercury)

เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด สังเกตเห็นด้วยตาเปล่าได้ตอนใกล้ค่ำและ ช่วงรุ่งเช้า ดาวพุธไม่มีดวงจันทร์เป็นดาวบริวาร ดาวพุธหมุนรอบตัวเองจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออกกินเวลา ประมาณ 58 - 59 วัน และโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลา 88 วัน

ดาวศุกร์ (Venus)

สังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยสามารถมองเห็นได้ทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันตกในเวลาใกล้ค่ำ เราเรียกว่า "ดาวประจำเมือง" (Evening Star) ส่วนช่วงเช้ามืดปรากฏให้เห็นทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเรียกว่า "ดาวรุ่ง" (Morning Star) เรามักสังเกตเห็นดาวศุกร์มีแสงส่องสว่างมากเนื่องจาก ดาวศุกร์มีชั้นบรรยากาศที่ประกอบไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีผลทำให้อุณหภูมิพื้นผิวสูงขึ้น ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก ไม่มีดวงจันทร์เป็นดาวบริวาร

โลก (Earth)

โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ เนื่องจากมีชั้นบรรยากาศและมีระยะห่าง จากดวงอาทิตย์ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต นักดาราศาสตร์อธิบายเกี่ยวกับการเกิดโลกว่า โลกเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มก๊าซ และมีการเคลื่อนทีสลับซับซ้อนมาก โดยเราจะได้ศึกษาในรายละเอียดต่อไป

ดาวอังคาร (Mars)

อยู่ห่างจากโลกของเราเพียง 35 ล้านไมล์ และ 234 ล้านไมล์ เนื่องจากมีวงโคจรรอบดวง อาทิตย์เป็นวงรี พื้นผิวดาวอังคารมีปรากฏการณ์เมฆและพายุฝุ่นเสมอ เป็นที่น่าสนใจในการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีลักษณะและองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกับโลก เช่น มีระยะเวลาในการหมุนรอบตัวเอง 1 วัน เท่ากับ 24.6 ชั่วโมง และระยะเวลาใน 1 ปี เมื่อเทียบกับโลกเท่ากับ 1.9 มีการเอียงของแกน 25 องศา ดาวอังคารมีดวงจันทร์เป็นบริวาร 2 ดวง

ดาวพฤหัสบดี (Jupiter)

เป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล หมุนรอบตัวเอง 1 รอบใช้เวลา 9.8 ชั่วโมง ซึ่งเร็วที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหลาย และโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลา12 ปี นักดาราศาสตร์อธิบายว่า ดาวพฤหัสเป็นกลุ่มก้อนก๊าซหรือของเหลวขนาดใหญ่ ที่ไม่มีส่วนที่เป็นของแข็งเหมือนโลก และเป็นดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์เป็นดาวบริวารมากถึง 16 ดวง

ดาวเสาร์ (Saturn)

เป็นดาวเคราะห์ที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นดาวที่ประกอบไปด้วยก๊าซและของ เหลวสีค่อนข้างเหลือง หมุนรอบตัวเอง 1 รอบใช้เวลา 10.2 ชั่วโมง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใช้เวลา 29 ปี ลักษณะเด่นของดาวเสาร์ คือ มีวงแหวนล้อมรอบ ซึ่งวงแหวนดังกล่าวเป็นอนุภาคเล็กๆ หลายชนิดที่หมุนรอบดาวเสาร์มีวงแหวนจำนวน 3 ชั้น ดาวเสาร์มีดวงจันทร์เป็นดาวบริวาร 1 ดวง และมีดวงจันทร์ดวงหนึ่งชื่อ Titan ซึ่งถือว่าเป็นดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล

ดาวยูเรนัส (Uranus)

หมุนรอบตัวเอง 1 รอบ ใช้เวลา 16.8 ชั่วโมง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ใช้เวลา 84 ปี ดาวยูเรนัสประกอบด้วยก๊าซและของเหลว เช่นเดียวกับ ดาวพฤหัส และดาวเสาร์ 4.8 ดาวเนปจูน (Neptune) เป็นดาวเคราะห์ที่มีระยะเวลาในการหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ เท่ากับ 17.8 ชั่วโมง และระยะ เวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ เท่ากับ 165 ปี มีดวงจันทร์เป็นดาวบริวาร 2 ดวง

ดาวพลูโต (Pluto)

เป็นดาวเคราะห์ดวงสุดท้ายของระบบสุริยะจักรวาล มีระยะเวลาในการหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ รอบ เท่ากับ 453 ชั่วโมง ระยะเวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ เท่ากับ 248 ปี เป็นดวงดาวที่มีขนาดใกล้เคียงกับดาวพุธ และมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุด

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์


ประวัติ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์


เกิด 20 เม.ย. ปีค.ศ.1889 ที่เมืองเบราเนา ประเทศออสเตรีย ติดชายแดนเยอรมนี ทั้งพ่อ-อาลัวส์ และแม่คาร่า มาจากครอบครัวเกษตรกรที่ยากจน แต่พ่อเป็นคนฉลาดและทะเยอทะยาน จึงก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าหน้าที่ภาษี ช่วงที่มาแต่งงานกับแม่ อายุห่างกันถึง 23 ปี และมีลูกติดมา 2 คน ทำให้ฮิตเลอร์มีพี่น้องถึง 5 คน แต่โตขึ้นมาเหลือรอดอยู่ 2 คน คือฮิตเลอร์และน้องสาว

พ่อฮิตเลอร์ เป็นคนที่เข้มงวดมาก และนิยมใช้ความรุนแรงลงโทษหากลูกไม่เชื่อฟัง ฮิตเลอร์จึงเป็นเด็กเรียนดีในตอนต้น เพื่อนๆ ยกย่องให้เป็นผู้นำ ทั้งยังเคร่งศาสนา จนใครๆ คิดว่าโตขึ้นมาจะเป็นนักบวช

แต่พอขึ้น เรียนชั้นสูงขึ้น วิชาต่างๆ ก็เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสอบไม่ได้ที่ 1 พ่อเริ่มเกรี้ยวกราด เพราะกลัวลูกจะเข้ารับราชการไม่ได้ ส่วนเพื่อนๆ ก็เริ่มไม่ปลื้มให้เป็นหัวหน้า ความกดดันต่างๆ ทำให้ฮิตเลอร์เบี่ยงไปสนใจการต่อสู้

ครูชั้นมัธยมฯ คนเดียวที่ฮิตเลอร์ชื่นชอบ คือลีโอโพลด์ พอตช์ ซึ่งเป็นคนนิยมความสำเร็จของเยอรมนี จึงมักเล่าถึงชัยชนะต่างๆ ของเยอรมันเหนือฝรั่งเศส ในศึกปีค.ศ.1870-1871 และต่อว่าออสเตรียว่าไม่ยอมเข้าร่วมกับเยอรมนี ฮิตเลอร์พานชอบเยอรมันไปด้วย โดยมีออตโต วอน บิสมาร์ก นายกรัฐมนตรีของอาณาจักรเยอรมนี เป็นฮีโร่ในดวงใจ

สำหรับวิชาที่ฮิต เลอร์สนใจมากอีกวิชาคือศิลปะ ซึ่งทำให้ทะเลาะรุนแรงกับพ่อ เพราะไม่เห็นด้วยเลยที่จะให้ลูกเป็นศิลปิน ศึกพ่อลูกสิ้นสุดลงในปีค.ศ.1903 เมื่อพ่อฮิตเลอร์เสียชีวิต ตอนนั้นครอบครัวไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากทางการเงิน แต่ฮิตเลอร์ยังคงไม่รักเรียนเช่นเดิม จนแม่ยอมให้ออกจากโรงเรียน

ต่อ มาในช่วงอายุ 18 ปี ฮิตเลอร์ได้รับมรดกของพ่อ และใช้เงินเดินทางไปกรุงเวียนนา หวังว่าจะไปเรียนวิชาศิลปะที่นั่น ฮิตเลอร์คิดว่าตนเองมีความสามารถทางศิลปะที่เหนือชั้น แต่พอไปถึงจริงกลับถูกสถาบันวิชาการศิลปะเวียนนาปฏิเสธใบสมัคร จากนั้นจึงย้ายไปสมัครที่โรงเรียนสถาปัตยกรรม แต่ไม่ได้อีก เพราะไม่มีใบรับรองจากโรงเรียนเก่า

ฮิตเลอร์อับอายมากที่ล้มเหลวเช่น นี้ จนไม่กล้าบอกความจริงกับแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แสร้งทำเป็นอยู่ในเวียนนาต่อไปว่าตนเองเป็นนักเรียนศิลปะ

หลังจากฮิต เลอร์ย้ายจากเมืองเบราเนาไปกรุงเวียนนา และเข้าเรียนศิลปะอย่างที่ใจหวังไม่ได้ ก็ไม่กล้าบอกแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แสร้งทำเป็นว่าเป็นนักเรียนศิลปะอยู่ที่กรุงเวียนนาอย่างนั้น โดยใช้เงินบำนาญมรดกของพ่อดำรงชีวิตในเมืองหลวงอย่างสบาย วันๆ ก็นอนเล่นอ่านหนังสือ ตกบ่ายไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะ จนกระทั่งปีค.ศ.1907 แม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง

การเสียชีวิตของแม่ทำให้ฮิตเลอร์เสียใจ สุดซึ้ง เพราะรักแม่มากและมากกว่าพ่อ ตามประวัติศาสตร์ฮิตเลอร์ถือรูปแม่ไปทุกที่แม้กระทั่งวาระสุดท้ายรูปก็ยัง อยู่ในมือ

ในปีค.ศ.1909 ซึ่งเป็นปีที่ควรเกณฑ์ทหาร ฮิตเลอร์กลับไม่ยอมรับใช้กองทัพออสเตรียของตัวเอง เพราะแค้นอยู่ลึกๆ ที่สถาบันการศึกษาออสเตรียไม่เปิดโอกาสให้เรียน นอกจากนี้ยังชื่นชมอาณาจักรเยอรมนีที่เหนือกว่าออสเตรียมาตั้งแต่เด็ก จึงไปเป็นอาสาสมัครในกองทัพเยอรมนี ขึ้นชื่อว่าเป็นทหารกล้าตาย สู้เลือดเดือด

ช่วงเวลานี้ชีวิตของฮิตเลอร์มีทั้งขึ้นและลง หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ฮิตเลอร์ ย้ายไปอยู่มิวนิกและเริ่มชีวิตทางการเมือง ซึ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่นาน จนกระทั่งปีค.ศ.1921 ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคนาซี มีนโยบายต่อต้านชาวยิวและผู้นิยมลัทธิสังคมนิยม

ในปี 1933 ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีและหนึ่งปีถัดจากนั้นตั้งตนเป็นเผด็จการสมบูรณ์แบบ สร้างกองทัพยึดคืนแคว้นไรน์ และในปี 1936 ร่วมมือกับเผด็จการมุสโสลินีของอิตาลีบุกยึดออสเตรีย ชาติเกิดของตนเอง ตามด้วยเชโกสโลวะเกีย

สำหรับเชโกฯ นั้นบุกยากกว่าออสเตรีย เพราะมีฝรั่งเศสเป็นพันธมิตร ทางด้านอังกฤษจึงเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยแบ่งพื้นที่บางส่วนของเชโกฯ ให้เยอรมัน แต่ภายหลังถูกฮิตเลอร์หักหลังเข้ายึดทั้งประเทศ ทำให้อังกฤษอับอายมาก


ด้วยความที่ได้คืบจะเอาศอก ฮิตเลอร์ลุยต่อไปที่โปแลนด์ คราวนี้อังกฤษกับฝรั่งเศสไม่ยอมอีกแล้ว วันที่ 3 ก.ย.1939 จึงประกาศสงครามโลกครั้งที่ 2 กับเยอรมัน ฝ่ายพันธมิตรและอักษะสู้รบกันอยู่นานถึงปี 1945 ฝ่ายอักษะพ่ายแพ้ ฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายพร้อมหญิงคนรัก อีวา วันที่ 30 เม.ย. ปีค.ศ.1945

walt disney






วอลท์ ดีสนี่ เป็นผู้สร้างการ์ตูนที่แพร่หลายและประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกคนหนึ่ง และเป็นคนสร้างภาพยนตร์การ์ตูนสีเป็นคนแรก เขาเริ่มทำการ์ตูนมิกกี้ เมาส์(Mickey Mouse) โดยร่วมมือกับน้องชายรอย ดีสนีย์ และหัวหน้าทีม นักวาดการ์ตูนและน้องชายชื่อ รอย วอลท์ ดีสนีย์ ได้ร่วมมือกันก่อตั้ง Walt Disney Company ขึ้น และหนังมิกกี้ เมาส์ ขึ้นตอน Steamboat Willie ซึ้งเป็นหนังการ์ตูนเสียงเรื่องแรกของโลก คือก้าวแรกของวอลท์ ดีสนีย์

มิกกี้เมาส์ ถือกำเนิดขึ้นในปี 1928 บนขบวนรถไฟนิวยอร์กสู่ลอสแองเจลีส ขณะนั้น วอลท์ ดีสนีย์ มีอายุเพียง 27 ปีเขาเดินทางกลับจากการเจรจากับเพื่อนร่วมงานที่ ฉ้อโกง ทำให้เขาสูญเสียลิขสิทธิ์การ์ตูนกระต่ายที่เขาวาดขึ้นมาเองกับมือ บนรถไฟนั้นเองที่ วอลท์ จินตนาการถึงเจ้าหนู กางเกงแดงตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งขึ้นมา เขาลงมือวาดมันขึ้นและตั้งชื่อมันว่า มอร์ติเมอร์แต่ลิเลียนผู้เป็นภรรยาที่เดินทางไปกับเขาด้วย กลับติว่าชื่อนี้เป็นทางการและจริงจังเกินไป ก่อนจะตั้งชื่อใหม่ให้มันว่า มิกกี้ เมาส์

บัด นั้นเองที่ดาวดวงน้อยๆ แห่งโลกการ์ตูนก็จรัสแดงขึ้น โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่า หนูตัวนั้นจะกลายมาเป็นขวัญใจของเด็กๆ และผู้คนทั้วโลกในเวลาต่อมา เขาปรากฏตัวต่อสาธารณชนทั่วโลกผ่านทางการ์ตูนเสียงเรื่องแรก สตีมโบท วิลลี่(Steamboat Willie) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 1928 จวบจนถึงปัจจุบัน มิกกี้ก็ได้อยู่ในฐานะขวัญใจของเด็กๆ และในปี ค.ศ. 1955 ดีสนีย์บุกเบิกสร้างอาณาจักรสวนสนุกยิ่งใหญ่ของโลก ดีสนีย์แลน ขึ้นที่อนาไฮม์ แคลิฟอร์เนีย เพื่อต้อนรับเด็กๆ จากทั่วโลก มิกกี้ก็กลายเป็นเจ้าบ้านคอยต้อนรับเด็กหลายล้านคนจากทั่วโลก ที่จะต้องวิ่งเข้ามาจับมือทักทายถ่ายรูปร่วมกับเขา

มิ กกี้ เมาส์ สามารถเป็นที่รักและครองหัวใจของเด็กๆ และผู้คนทั่วโลกได้เป็นเวลาหลายทศวรรษ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงหนูตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นจากเรื่องราวของความเศร้าและความสูญเสีย คำตอบก็คงเป็นเพราะว่า เขาสอนให้ผู้คนหันหลังจากความทุกข์ และหัวเราะยิ่มกับเรื่องราวดีๆ ที่เขาและผองเพื่อนเพียรมอบให้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคงเป็นเพราะว่าเขามีความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถเข้าถึง หัวใจของเด็กทั่วโลกได้โดยง่าย

ในช่วงปี ค.ศ. 1930-1940 เหล่าผองเพื่อนมิกกี้ก็เกิดตามมา ได้แก่ มินนี่ เมาส์(Minnie Mouse),กู๊ฟฟี่(Goofy),พลูโต(Pluto),โดนัลด์ ดั๊ก(Donald Dack) และอีกมากมาย ปี ค.ศ. 1940 ภาพยนตร์เรื่อง แฟนตาเซีย (Fantasia) ภาพยนตร์แอนนิเมชั่นเรื่องแรกของมิกกี้ที่ได้ออกแพร่ภาพ และปี 1945 มิกกี้กลับมาโด่งดังอีกครั้งในรายการโทรศัทน์ มิกกี้เมาส์คลับ ทางสถานี ABC ทำให้เรื่องราว และภาพของมิกกี้ เมาส์ปรากฏในสื่อทุกรูปแบบ

เป็นเวลากว่า 75 ปี แล้วที่มิกกี้เมาส์ครองใจเด็กๆ และผู้คนทั่วโลก แม้ว่าจะเป็นเพียงหนูตัวเล็กๆ แต่เขากลับสอนให้ผู้คนหันหลังให้กับความทุกข์ และหัวเราะยิ้มรับกับเรื่องราวดีๆ ที่เขาและผองเพื่อนมอบให้ นี่คือคำจำกัดความของวอลท์ ดีสนีย์ ผู้สร้างดาราการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่อย่างมิกกี้ เมาส์ “I hope we never lose sight of on thing…that this was all star by a mouse,” อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของดีสนีย์ยืนยงมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะเราเริ่มต้นจากหนูตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง

บัด นี้วอลท์ ดีสนีย์ ได้กลายมาเป็นธุรกิจบันเทิงชั้นแนวหน้าของโลก ซึ่งดำเนินการโดยครอบครัวในช่วงเริ่มต้น บริษัท วอลท์ ดีสนีย์ มีชื่อเสียงโด่งดังจากภาพยนตร์การ์ตูน แต่ต่อมาบริษัทก็เริ่มสร้างหนังที่ใช้คนแสดง เช่น Treasure Island และ 20000 Leagues Under the Sea ไม่ นานไม่นานหลังจากนั้นสวนสนุกดีสนีย์แลน แห่งแรกได้เปิดตัวขึ้นที่เมืองแอนนาไฮม์รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นเจ้าของวอลท์ ดีสนีย์ เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1966 บริษัทสร้างหนังของวอลท์ ดีสนีย์ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน จนมาปี 1983 จึงได้ฟื้นตัวกลับมาคึกคักอีกครั้ง คราวนี้ได้ขยายบริษัทลูกออกมาเป็น Touchstone Pictures และ Splash หนังเรื่องแรก ของ Touchstone Pictures ก็ทำรายได้ให้อย่างงามบริษัท วอลท์ ดีสนีย์ ภายใต้การบริหารของ Michael Eisner และ Jeffrey Katzenberg เติบโตอย่างรวดเร็วและได้หวนมาสู่โลกของการ์ตูนอีกครั้งด้วยภาพยนตร์การ์ตูน ซึ่งดังพร้อมกับเพลงฮิต เช่น Beauty and the Beast และ Aladdin

ประเทศดูไบ

ดูไบ เมืองแห่งความมหัศจรรย์





เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

หลังจาก "มูนา ซาราวาณี" ม่ายสาวชาวไทย ที่ไปแต่งงานกับเศรษฐีชาวดูไบ ซึ่งรวยติดอันดับ 1 ใน 5 ของดูไบ ไปออกรายการ ตีสิบ ทางช่อง 3 บอกเล่าเรื่องราวที่ไปใช้ชีวิต ณ ดูไบ รัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates) ทำเอาสาวๆ นั่งฝันหวานถึงชีวิตที่น่าอิจฉาของเธอ พร้อมๆ กับอยากรู้จัก "ดูไบ" ให้มากกว่าขึ้นแน่ๆ เพราะฉะนั้นเราจึงจะพาไปท่องเที่ยวและสัมผัสชีวิตของชาว "ดูไบ" กัน...ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมตัวไปเที่ยวดูไบกันเถอะ

ดูไบ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้ง อยู่ทางภาคเหนือของประเทศมีพื้นที่ประมาณ 3,225 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 1,674,527 คน ดูไบถือเป็นเมืองแห่งความมหัศจรรย์ เพราะที่ถูกผันแปรจากดินแดนทะเลทรายมาสู่ความมั่งคั่งในการค้า บริการ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และศูนย์กลางธุรกิจ ไม่จำกัดเฉพาะการค้าน้ำมันแบบก่อนๆ

ขณะที่ตึกสูงระฟ้าผุดขึ้นทั่วเมือง รวมถึงตึกสูงสุดในโลกกว่า 180 ชั้นที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ว่ากันว่าเครนที่ใช้งานก่อสร้างในโลกขณะนี้ กว่า 40% อยู่ในดูไบ (โอ้โห) และรายได้หลักของชาวดูไบมาจากหลายทาง ไม่เฉพาะการขายน้ำมันถือที่ถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศ เพราะมีการผลิตน้ำมันสู่ตลาดโลกวันละ 2-2.5 ล้านบาร์เรล หากคิดรายได้เป็นเงินไทยตกวันละร่วมหมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่มีไม่มาก และส่วนใหญ่ประชากรเป็นชาวต่างชาติที่เข้าไปอาศัย กว่า 75% ที่นี่จึงนับเป็นเมืองน่าสนใจที่สุด ด้วยอัตราการเติบโตของจีดีพีสูงที่สุดในโลก

และไม่ต้องกลัวว่าไปเที่ยวดูไบเมืองทะเลทรายแล้วจะขาดน้ำ เพราะทุกวันนี้ดูไบซึ่งไม่มีแหล่งน้ำจืด ได้สร้างโรงกลั่นน้ำทะเลของตัวเอง จนสามารถกลั่นออกมาเป็นน้ำจืด มากกว่าความต้องการจริงถึงวันละ 3 เท่า...ไม่มีฝันอะไรอีกแล้ว ที่ดูไบทำไม่ได้ (จริงไหม)

ประวัติเมืองดูไบ


ในปี 1833 ชนเผ่า Bani Yas tribe ประมาณ 800 คน นำโดยตระกูล Maktoum ซึ่งยังปกครองประเทศอยู่ในปัจจุบัน ได้อพยพมาตั้งหลักแหล่งบริเวณปากอ่าว ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นท่าเรือ ที่อุดมสมบูรณ์จึง ทำให้ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางของการค้าทางทะเล รวมทั้งการทำประมงและการทำฟาร์มไข่มุก หลังจากนั้นในปีศตวรรษที่ 20 ประเทศดูไบก็กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการ ส่งออกที่สำคัญ โดยมีซุก (ชื่อเรียกของตลาดบริเวณตะวันออกกลาง) ขนาดใหญ่ที่สุดตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า Diera

ปี 1966 ดูไบกลายมาเป็นรัฐมหาอำนาจรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังจากที่มีการค้นพบน้ำมันดิบ ทำให้เมืองโบราณอายุสองพันปี กลายเป็นเมืองทันสมัยในพริบตา ด้วยโครงการ The Palm ที่เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งทะเล ให้กลายเป็นแหล่งความเจริญทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม และรีสอร์ท ต่างๆ ด้วยงบลงทุนประมาณสามพันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

การค้าขายในดูไบประสบความสำเร็จมาก สามารถดึงดูดให้พ่อค้าชาวอิหร่าน และอินเดียมาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำการค้าขายในประเทศได้ แต่ขณะที่การค้าขายเจริญมากขึ้น ฐานะทางการปกครองของดูไบก็ยังคงเป็นแค่รัฐในอารักขาของอาณานิคมอังกฤษ ซึ่งอยู่ในส่วนหนึ่งบนพื้นที่ทางตอนเหนือของชายฝั่งของคาบสมุทรอาระเบีย ดังนั้น ภายหลังจากที่อังกฤษได้ถอนตัวออกจากการปกครอง ในปี 1971 ดูไบพร้อมด้วยอีกหลายรัฐ ได้ร่วมกันก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์

และถัดจากนั้นในช่วงยุค 1980-1990 ดูไบได้ลงทุนสร้างสิ่งก่อสร้างเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากมาย ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์ให้ดูไบเป็นประเทศ ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ โดยในปี 2000 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าในดูไบมีจำนวน 3 แสนคน มากกว่าจำนวนประชากรของดูไบที่มีทั้งหมดประมาณ 850,000 คน

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

ดูไบเป็นเมืองที่เรียกได้ว่าล้ำสมัยไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ และสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสะอาดและปลอดภัย แต่ที่ดูไบเป็นหนึ่งในลิสต์ของนักท่องเที่ยวหลายคน (โดยเฉพาะนักช้อป) ก็เพราะว่าที่นี่มีการขายสินค้าปลอดภาษี นอกจากนี้ ดูไบยังมีตลาดหรือที่เรียกว่า ซุก (Souk) โดยจะขายสินค้ามากมายหลายอย่าง ซุกที่ขึ้นชื่อก็ย่าน Deira Covered Souk ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของดูไบ

นอกจากนี้ หากมาดูไบและไม่ได้พูดถึงหรือไม่ได้มาเดินแถว Gold Souk ก็ถือว่าไม่ได้มาถึงดูไบ เพราะที่นี้ถือเป็นตลาดทองรูปพรรณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ขอเตือนว่าหากมาเดินย่านนี้คงต้องสวมแว่นกันแดดติดตามาด้วย เพื่อความปลอดภัยของสายตาท่าน (ก็แสงแดดที่ส่องสะท้อนมายังทองดูไบดูแล้วเจิดจ้าบาดตาจริงๆ) อะๆ ดูไบไม่ได้มีสถานที่เที่ยวเท่านี้นะ แต่จะมีอะไรบ้างตามไปดูกันดี...









หมู่เกาะต้นปาล์ม

หมู่เกาะต้นปาล์ม เป็นโครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ในดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม และล้อมรอบด้วยเสี้ยววงกลม โดยพื้นที่จะมีการจัดเป็นที่อยู่อาศัย และรีสอร์ท การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ ในโครงการจะมีการสร้างทั้งหมด 3 เกาะได้แก่ ปาล์ม Jumeirah, ปาล์ม Deira และ ปาล์ม Jebel Ali



อาคารเบิร์จดูไบ

เบิร์จดูไบ (ภาษาอาหรับ: برج دبي , Burj Dubai - หอคอยดูไบ) เป็นตึกระฟ้าสูงยวดยิ่ง ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างในย่านกลางเมืองดูไบ และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะถูกจัดเป็นอาคารระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก กำหนดให้เข้าใช้งานได้ในต้นปี พ.ศ. 2552 ณ โดยจะสร้างให้มีความสูงประมาณ 818 เมตร ในดูไบยังมีโครงการก่อสร้างตึกในชื่อว่า อัลเบิร์จ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบและวางแผน โดยความสูงยังคงถูกเก็บเป็นความลับเช่นกัน โดยประมาณการว่าอาจจะสูงอย่างน้อย 800 เมตร

การตกแต่งภายในจะบ่างออกเป็นโรงแรมอาร์มานี 37 ชั้นล่าง โดยชั้น 45 ถึง 108 จะเป็น อพาร์ตเมนต์ โดยที่เหลือจะเป็นออฟฟิศสำนักงาน และชั้นที่ 123 และ 124 จะเป็นจุดชมวิวของตึก ส่วนบนของตึกจะเป็นเสาอากาศสื่อสาร นอกจากนี้ชั้น 78 จะมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ และตึกนี้จะติดตั้งลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ความเร็ว 18 ม/วินาที (65 กิโลเมตร/ชั่วโมง, 40 ไมล์/ชั่วโมง)



เบิร์จอัลอาหรับ

เบิร์จอัลอาหรับ (ภาษาอาหรับ: برج العرب , Burj al-Arab) เป็นโรงแรมหรูหราและเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูง 321 เมตร (1,053 ฟุต) โดยตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวเปอร์เซีย โดยเชื่อมต่อกับฝั่งผ่านทางสะพาน เบิร์จอัลอาหรับเป็นเจ้าของโดย จูเมราฮ์ การก่อสร้างเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2537 แล้วเสร็จและเริ่มเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยตัวตึกออกแบบมีลักษณะคล้ายเรือใบ dhow ซึ่งเป็นยานพาหนะชนิดหนึ่งของชาวอาหรับ

ส่วนห้องในโรงแรมเบิร์จอัลอาหรับมีลักษณะเป็นห้องสวีตคู่ 202 ห้อง โดยห้องที่เล็กสุดมีขนาด 169 ตารางเมตร (1,819 ตารางฟุต) และห้องใหญ่สุดมีขนาด 780 ตารางเมตร (8,396 ตารางฟุต) และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก โดยราคาค่าที่พักอยู่เริ่มต้นที่ $1,000 -$15,000 ต่อคืน และห้องที่แพงสุดจะอยู่ที่ราคา $28,000 ต่อคืน

ถนน Al Fahidi

ถนน Al Fahidi ตั้งอยู่ใจกลางซุก Bur Dubai เป็นศูนย์กลางร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ โฮมเธียร์เตอร์ รวมไปถึงอุปกรณ์ถ่ายรูป ซึ่งเสนอขายในราคาย่อมเยาว์

Al Nasr Leisureand

ตั้งอยู่บริเวณ Bur Dubai ห่างจากถนน Zabeel เป็นสวนสาธารณะที่ทันสมัยแห่งหนึ่ง ผุ้ชื่อชอบการเล่นกีฬาจะต้องถูกใจเป็นพิเศษ เพราะสวน Zabeel นี้ มีทั้งลู่สำหรับโยนโบล์ลิ่ง พื้นน้ำแข็งราบสำหรับเล่นสเก๊ต และสระว่ายน้ำ รวมไปถึงสวนสนุกสำหรับเด็ก เปิดทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น.

Bait Al Wakeel

สร้างขึ้นในปี 1934 โดยท่านชีคราชิด ซึ่งเป็นผู้ครองรัฐองค์ที่แล้ว ถือว่าเป็นตึกทางการแห่งแรกของดูไบโดยในปัจจุบันได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดง ความเป็นมา และวิถีชีวิตของชาวประมง

Bani Yas Square

สิ่งที่เห็นได้ชัดในบริเวณ Bani Yas Square คือ หอ Deira ที่มีลักษณะยอดบนเป็นวงกลม บริเวณจัตุรัสจะมีสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนุ่งหุ่ม และ สินค้าบริโภคทั้งหลายให้คุณต่อรองราคากันได้

พิพิธภัณฑ์ดูไบ

ด้านในของพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นด้านบนและด้านล่าง ด้านบนจะเป็นแบบจำลองกำแพงหินและกระท่อมแบบชาวพื้นเมืองเก่าๆ สำหรับด้านล่างหรือชั้นใต้ดินจะกว้างใหญ่และลึกลับซับซ้อนมาก มีทั้งภาพวาดสีน้ำของดูไบในอดีต การจัดหุ่นนิ่งแสดงวิถีชีวิตของคนพื้นเมือง มีการจำลองบรรยากาศใต้ทะเลโดยใช้แสงสีจำลอง ทำให้เห็นภาพของชาวดูไบในอดีต นอกจากนี้ ยังมีห้องแสดงความก้าวหน้าทางวิทยาการโบราณแบ่งซอยออกไปอีก โดยจัดแสดงพัฒนาการของตัวเลขและตัวอักษรอาระบิก รวมไปถึงการเรียนรู้วิชาดาราศาสตร์และเรื่องราวของทะเลทราย

Bastakiya

ย่าน Bastakiya เป็นย่านที่เรียกได้ว่าเป็นย่านเมืองเก่าถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม และ แกลอรี่ศิลปะ ของที่นี่เลยทีเดียว บริเวณดังกล่าวนี้เป็นเพียงทางแคบๆ โดยมีหอกังหันลมตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ทำให้นึกย้อนไปในอดีตที่บริเวณ Bastakiya นี้มักจะเต็มไปด้วยหอกังหันลม ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณที่เรียกว่า The Creek ซึ่งหอกังหันลมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยประดับประดาตกแต่งย่าน Bastakiya ให้สวยงามน่าชมแล้ว ยังช่วยให้บรรเทาความร้อนให้กับบ้านเรือนที่ตั้งอยู่แถวนั้น ก่อนที่จะมีไฟฟ้าใช้อีกด้วย

สวนสัตว์ดูไบ

ถึงแม้ว่าสวนสัตว์ของดูไบ ที่ตั้งอยู่บนถนน Jumeirah Beach จะเล็กไปบ้าง แต่เชื่อได้ว่าคุณต้องรู้สึกทึ่ง กับบรรดา สัตว์หลากหลายชนิดอาศัยที่อยู่ในนี้ เพราะนอกจาก คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับนกนานาประเภทแล้ว

คุณยังต้องรู้สึกตื่นเต้นไปกับสัตว์น้อยใหญ่ รวมไปถึงสัตว์ที่มาจากต่างประเทศด้วย



Shiekh Zayed Road

เทียบได้กับย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองแมนฮัตตัน เป็นเขตการค้าของเมือง ล้อมรอบไปด้วยตึกสูงระฟ้า เป็นสถานที่ตั้งของตึก World Trade Centre และ โรงแรม Emirates Tower

The Creek

เป็นจุดชมทิวทัศน์ มีลักษณะเป็นท่าเรือที่ตัดผ่านใจกลางเมือง ซึ่งเป็นศูนย์รวมประวัติศาสตร์และเป็นย่านชุมชนใน ดูไบ The Creek เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นชมวิวทิศทัศน์ ยิ่งผู้ที่สนใจวัฒนธรรมและประเพณีของผู้คนชาติต่างๆ จะต้องรู้สึกชื่นชมและประทับใจกับภาพทั้งสองฟากฝั่ง โดยเฉพาะภาพที่นกนางนวลหลายร้อยตัวบินโฉบฉวัดเฉวียนผ่านเรือสัญจร หรือที่เรียกว่า เรือเดา (dhow) มีลักษณะเป็นเรือใบเสาเดียวทีชาวอาหรับใช้เป็นพาหนะที่แล่นผ่านไปมา มีพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่ค่อยๆ ลดแสงลง เป็นฉากหลัง

คุณสามารถล่องเรื่อข้ามฟากชื่นชมสองฝั่งของดูไบได้ ตรงท่าขึ้นเรือตรงข้ามกับโรงแรมคอนติเนนตัลในฝั่ง Deira และ ตรงข้ามกับซุกเก่าในเขต Bur Dubai และที่กับภาพความสวยงามเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนที่สุดคือตรงจุดที่เรียกว่า abra ซึ่งเป็นทางเข้าทางน้ำเล็กๆ กั้นระหว่างซุก Deira กับด้าน Bur Dubai และหากคุณล่องเรือไปจนสุดปลายอ่าว คุณจะเห็นทะเลสาบบนเกาะหินปะการังขนาดใหญ่และเป็นที่ตื้นเขิน ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นที่อพยพของสัตว์ โดยเฉพาะนก ที่ในฤดูหนาวจะอพยพมาตั้งหลักแหล่งในคราวเดียวกันถึง 27,000 ตัว โดยเฉพาะนกฟลามิงโกใหญ่



Wild Wadi

ถัดจากโรงแรม Jumerah Beach ไปไม่ไกลนัก คุณจะได้พบกับสวนน้ำติดอันดับหนึ่งของโลกที่มีขื่อว่า Wild Wadi ที่นี่คุณจะได้พบกับเครื่องเล่นที่เร้าใจและสนุกสนานเพลิดเพลิน แนะนำเครื่องเล่น Log River, Ring Ride, Flood River, Wave Pool, Flow Rides และอื่นอีกมาก

หมู่บ้านนักท่องเที่ยว Al Boom

อยู่ติดกับสวนสาธารณะ Creekside คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับร้านขายอาหาร คอฟฟี่ช็อป ภัตตาคาร และสวนสนุกมากมาย ท่ามกลางบรรยายกาศ และวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบ และเรือนำเที่ยวขนาดใหญ่ที่จอดรอรับลูกค้า

สถานที่ประวัติศาสตร์

หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชอบเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชนชาติต่างๆ คุณก็ต้องไม่พลาดที่จะเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของดูไบ เป็นที่ที่คุณสามารถพบเห็นเครืองมือเครื่องใช้ซึ่งเป็นผลผลิตที่เกิดจาก มนุษย์จากยุคศตวรรษที่ 7 จนถึงศตวรรษที่ 15

นอกจากเที่ยวชมซุก และชอปปิ้งสินค้าปลอดภาษี รวมถึงสำรวจเมืองเรียบร้อยแล้ว กิจกรรมที่น่าสนใจอื่นของดูไบ ที่อยากท้าให้ลอง คือ การขี่ม้า ขี่อูฐ และสำหรับท่านที่ชอบการออกรอบ สนามตีกอล์ที่ดูไบนี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสนามกอล์ฟคุณภาพแห่งหนึ่งของ โลก ที่อำนวยความครบครันในเรื่องของความสะดวกสบาย ความใหญ่โต และความสวยงาม ในบรรยากาศของท้องทะเลทราย ที่กว้างใหญ่แต่ไม่เวิ้งว้าง

การเดินทาง

สำหรับการทำวีซ่าดูไบนั้น ไม่สามารถยื่นเรื่องขอได้ที่สถานฑูตที่เมืองไทย ต้องยื่นผ่านบริษัททัวร์หรือสายการบินเอมิเรสต์ใช้เวลาขั้นต่ำ ประมาณ 1 อาทิตย์ และสามารถอยู่ได้ 1 เดือนเท่านั้น สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานสายการบินเอมิเรตส์กรุงเทพฯ โทร 0-2664-1040-4 หรือเข้าเยี่ยมชมเว็บไซดต์ www.emirates.com/th

เอกสารสำหรับขอวีซ่า

- หนังสือเดินทาง (Passport) ตัวจริง มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป นับจากวันเดินทาง, มีหน้าวีซ่าเหลือมากกว่า 2 หน้าขึ้นไป

- ที่อยู่พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้

ข้อมูลรัฐ..."ดูไบ"

ที่ตั้ง : ตะวันออกกลาง (Middle East) มีอาณาเขตติดต่อกับอ่าวโอมาน (The Gulf of Oman) และอ่าวเปอร์เซีย (The Persian Gulf) ระหว่างประเทศโอมานกับซาอุดิอาระเบีย

ภูมิประเทศ : สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 7 รัฐ ประกอบด้วย Abu Dhabi ซึ่งมีสถานะเป็นเมืองหลวง นอกจากนั้นก็มีเมือง Dubai , Sharjah, Ajman, Umm Al Quwain, Ras Al Khaimah และ Fujairah โดยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 83,600ตารางกิโลเมตร โดยเป็นพื้นที่ของดูไบประมาณ 3,225 ตารางกิโลเมตร มีอ่าวหรือเกาะเล็กตัดผ่านเมือง ทำให้แบ่งเมืองดูไบออกได้เป็น 2 ส่วน คือ เมือง Deira ทางตอนเหนือ และเมือง Bur Dubai ทางตอนใต้

เชื้อชาติ : ชาวเอมิเรตส์ 19%, ชาติอาหรับและอิหร่าน 23%, เอเชียใต้ 50%, ชาวตะวันตกและชาวเอเชียตะวันออก 8%

ศาสนา : เป็นมุสลิม 96% (ลัทธิชีอะห์ 16%) โดยมีชนกลุ่มน้อยที่นับถือศานาคริสต์ ฮินดูและอื่นๆ อีก 4%

ภาษา : มีภาษาอาระบิกเป็นภาษาทางการ โดยมีภาษาที่สองคือ ภาษาเปอร์เซีย อังกฤษ ฮินดู และ ภาษอิรดู

ประชากร : 419, 104 คน

พื้นที่ : 35 ตารางกิโลเมตร

เขตเวลา : GMT/UTC + 4 hours

ภูมิอากาศ : มีลักษณะกึ่งเขตร้อน และแห้งแล้ง โดยมีอุณหภูมิระหว่างต่ำสุดคือเกือบ 10 องศาเซลเซียส ไปจนถึงอุณหภูมิที่ระดับ 48 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 24 องศาเซลเซียส แต่ในเดือนกรกฎาคมอุณหภูมิเฉี่ยอยู่ที่ 41 องศาเซลเซียส

อาหาร : อาหารของชาติอาระบิก จะมีรสชาติคล้ายคลึงกับอาหารเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีข้าวหมกเป็นอาหารยอดฮิต มีรสชาติจัดจ้าน สำหรับของว่างก็จะมีพวกซาโมซา หรือ ผักย่างรวมไปถึงกาปับ (เนื้อสัตว์ย่าง) และที่พลาดไม่ได้สำหรับของหวานคือ Um Ali หรือพุดดิ้งนมนั่นเอง

วันเอดส์โลก

วันต้านเอดส์โลก วันเอดส์โลก (1 ธันวาคม)

วันต้านเอดส์โลก วันเอดส์โลก
1 ธันวาคม ของทุกปี

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดเอา วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปีเป็น"วันโลกต้านเอดส์" (WORLD AIDS DAY) และในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ถือว่า เป็นวันโลกต้านเอดส์ครั้งแรก

ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2532 ถือว่าเป็นวันโลกต้านเอดส์ครั้งแรก มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์หลายรูปแบบพร้อมกันทั่วโลก

โดยตั้งความหวังไว้ว่า
1.จะพยายามหยุดยั้งโรคเอดส์
2.ให้ความเห็นใจ ห่วงใย ต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโรคเอดส์
3.ให้ทุก ๆ คนได้รู้เรื่องโรคเอดส์

จากการที่องค์การอนามัยโลก ได้ให้ความสำคัญของโรคเอดส์ดังกล่าว ย่อมเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า โรคเอดส์เป็นโรคที่มีความรุนแรง มีผลกระทบต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคมและต่อประเทศชาติ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากมาย

โรคเอดส์ (Acquired Immune Deficiency Syndrome) AIDS
A = Acquired หมายถึง ภาวะที่เกิดขึ้นภายหลังไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด หรือไม่ได้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
I = Immune หมายถึง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
D = Deficiency หมายถึง ความบกพร่อง ความเสื่อม
S = Syndrome หมายถึง กลุ่มอาการของโรค ซึ่งมีอาการหลายลักษณะตามระบบต่าง ของร่างกาย

โรคเอดส์ (AIDS) หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Acquired Immune Deficiency Syndrome) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเซียนซีไวรัส (Human Immunodeficiency Virus) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า เอชไอวี (HIV) ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้กันต่ำลงเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกไวรัส ทำลายและเสียชีวิตจากโรคต่าง ๆ ที่เข้ามาซ้ำเติมในภายหลัง (เรียกว่าโรคฉวยโอกาส) เช่น วัณโรค ปอดบวม ติดเชื้อในระบบโลหิต เชื้อรา ฯลฯ
เชื้อไวรัสเอดส์นี้มีหลายสายพันธุ์

สายพันธุ์หลักดั้งเดิม ได้แก่ เอชไอวี-1 (HIV-1) ซึ่งแพร่ระบาดในแถบสหรัฐอเมริกา ยุโรป และแอฟริกา กลาง


สายพันธุ์เอชไอวี-2 (HIV-2) แพร่ระบาดในแถบแอฟริกาตะวันตก นอกจากนั้นยังมีสายพันธุ์ย่อยอื่น ๆ อีกมากมายตามเวลาที่ผ่านไป ทั้งนี้เนื่องจากเชื้อไวรัสเอดส์นี้สามารถกลายพันธุ์ได้ง่าย
อาการติดเชื้อเอดส์แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1
กลุ่มผู้ที่ตรวจพบเชื้อไวรัสเอดส์แต่ยังไม่ปรากฎอาการผิดปกติแต่อย่างใด บุคคลกลุ่มนี้จัดเป็นพาหะนำโรคซึ่งสามารถแพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่นได้อย่าง ไม่จำกัดจำนวนนับว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญ เพราะผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เป็นเวลานาน หากไม่มีการตรวจพบเชื้อจะไม่มีทางทราบได้เลย ว่าบุคคลนี้มีเชื้อไวรัสเอดส์อยู่ในร่างกาย จนกว่าจะมีอาการป่วยปรากฎออกมาให้เห็น

ระยะที่ 2
เป็นอาการที่พบได้ก่อนที่จะปรากฎอาการป่วยเป็นโรคเอดส์ (AIDS-Relate Complex) หรืออาจเรียกว่า กลุ่มอาการ ARC หมายถึง กลุ่มที่มีอาการ จะสังเกตได้จากอาการเรื้อรังที่ไม่ทราบสาเหตุในระยะนี้สามารถตรวจพบภูมิคุ้ม กันในเลือดของผู้มีอาการนำ หรืออาจจะสังเกตลักษณะของอาการได้ดังนี้
1.มีไข้สูงเกิน 37.8 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลานานไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
2.น้ำหนักตัวลดลงมากกว่า 4.5 กิโลกรัม หรือมากว่าร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัวเดิมภายใน 2 เดือน
3.ต่อมน้ำเหลืองตามร่างกายหลายแห่งบวมโตนานกว่า 3 เดือน
4.อุจจาระร่วงเรื้อรังนาน 1-3 เดือน
5.เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย มีเหงื่อออกตอนกลางคืน และพบว่าร้อยละ 20 ของกลุ่ม ARC จะมีอาการลุกลามไปเป็นโรคเอดส์ในเวลาต่อมา
6.แขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่งจะไม่มีเรี่ยวแรงและทำงานไม่ประสานกัน

ระยะที่ 3
เป็นระยะที่กลุ่มผู้ป่วยจะปรากฎอาการของโรคเอดส์ซึ่งอาการในระยะนี้แบ่งตาม อาการที่ปรากฏออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือการติดเชื้อชนิดฉวยโอกาส และอาการของโรคมะเร็ง
กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเอดส์ สามารถแยกออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
1.กลุ่มมีเพศสัมพันธ์ผิดธรรมชาติหรือสำส่อนทางเพศ เช่น กลุ่มรักร่วมเพศชาย กลุ่มรักต่างเพศ
2.กลุ่มผู้ติดยาเสพติด
3.กลุ่มที่รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์จากเลือด
4.กลุ่มที่ได้รับเลือดจากมารดา


วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

องค์พระปฐมเจดีย์

พระปฐมเจดีย์

ภาพ:พระปฐมเจดีย์.jpg

องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นปูชนียสถานอันสำคัญของประเทศไทย อยู่ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร มีประวัติความเป็นมายาวนานในแผ่นดินสุวรรณภูมิ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า

องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นพระเจดีย์ใหญ่ รูประฆังคว่ำ ปากผายมหึมา โครงสร้างเป็นไม้ซุง รัดด้วยโซ่เส้นมหึมาก่ออิฐ ถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องปูทับ ประกอบด้วยวิหาร 4 ทิศ กำแพงแก้ว 2 ชั้น เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า เป็นที่เคารพ สักการะบูชาของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ทางวัดกำหนดให้มีงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ในวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึง วันแรม 5 ค่ำ เดือน 12 รวม 9 วัน 9 คืน เป็น ประจำทุกปี


ประวัติองค์พระปฐมเจดีย์

พระปฐมเจดีย์ หรือเดิมเรียกว่า พระธมเจดีย์ มีฐานะเป็นมหาธาตุหลวง ของแผ่นดินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า พระธมเจดีย์องค์นี้ อาจเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้น เมื่อคราวที่พระสมณทูต ในพระเจ้าอโศกมหาราช เดินทางมาเผยแผ่ศาสนายังสุวรรณภูมิ ก็เป็นได้ เพราะพระเจดีย์เดิม มีลักษณะทรงโอคว่ำ หรือทรงมะนาวผ่าซีก แบบเดียวกับพระสถูปสาญจี แต่ปรากฏว่ามียอดเป็นแบบปรางค์ ซึ่งพระองค์ฯ ทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า อาจมีเจ้านายพระองค์ใดมาบูรณะไว้ก็เป็นได้ ซึ่งตรงกับความในศิลาจารึกหลักที่ 2 (ศิลาจารึกวัดศรีชุม) ของ พระมหาเถรศรีศรัทธาฯ อันได้กล่าวไว้ว่า พระมหาเถรศรีศรัทธาฯ ท่านทรงได้แวะมาบูรณะพระธมเจดีย์องค์นี้ ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับเมืองราด เมื่อคราวที่ท่านเสด็จกลับจากศึกษาพระพุทธศาสนาที่ลังกา ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระราชทานนามใหม่ว่า พระปฐมเจดีย์ ด้วยทรงเชื่อ ว่านี่คือเจดีย์แห่งแรกของสุวรรณภูมิ นั่นเอง

จากเอกสารเก่าที่บันทึกเรื่องนี้ไว้มีประวัติว่า พระปฐมเจดีย์ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๕๐๐ ก็มี พ.ศ. ๑๐๐๐ ก็มี พ.ศ. ๑๑๘๕ ก็มี พ.ศ. ๑๒๖๔ ก็มี พ.ศ. ๑๖๓๐ ก็มี ความสูง ๔๐ วา ๕ ศอก มีพระแท่นบรรทม ที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาบรรทม บรรจุพระทันตธาตุ คือ พระเขี้ยวแก้ว องค์หนึ่ง บรรจุพระบรมธาตุ หนึ่งทะนาน มีปรากฎก่อนพบพระพุทธบาท พระพุทธฉาย กว่าพันปี


ในเรื่องนี้ นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีบางท่าน ได้ระบุว่า พระปฐมเจดีย์ไม่ได้เป็นเจดีย์ที่เก่าที่สุดของสุวรรณภูมิ แต่เป็น พระมหาธาตุหลวง ในยุคทวารวดี มากกว่า เนื่องด้วยเหตุผลประกอบหลายประการ โดยเฉพาะ การค้นพบเจดีย์ ที่มีอายุเก่าแก่กว่าพระธมเจดีย์ และหลักฐานลายลักษณ์อักษร ที่ระบุว่า " พระเจดีย์องค์นี้ เดิม ขอมเรียก พระธม " ซึ่งไม่ว่าจะเป็นชาวขอมจริงๆ หรือชาวลวรัฐ ซึ่งสมัยนั้นเราก็เรียกว่าขอม เช่น ขอมสบาดโขลญลำพง คำว่า ธม สำหรับชาวขอมนั้น แปลว่า ใหญ่ ตรงกับคำเมืองว่า หลวง ซึ่งเราก็เรียกพระนครธม ว่า พระนครหลวง ด้วยเหตุผลเดียวกัน


องค์พระปฐมเจดีย์ในสมัยรัชกาลที่ 5

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ในขณะที่ทรงผนวชอยู่และได้ไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ ได้ทรงแสดงสภาพพระปฐมเจดีย์ไว้ว่า เป็นเพระเจดีย์ใหญ่ยอดปรางค์ ตอนหนึ่ง ฐานล่างกลมเป็นรูประฆัง ตอนหนึ่ง น่าจะทำมาหลายคราว คนทั่วไปเรียกว่า พระปทม เนื่องด้วย เชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้เคยเสด็จมาบรรทมที่นั่น จากฝีมือทำอิฐและก่อ แสดงว่าเป็นของทำมาเก่าแก่หลายครั้ง ที่เนินใหญ่เป็นกองอิฐหักลงมา เมื่อขุดลงไปสักสองสามศอกพบอิฐยาวศอกหนึ่ง หน้าใหญ่สิบสองนิ้ว หน้าน้อยหกนิ้ว ก่อเป็นพื้น น่าจะเป็นองค์พระเจดีย์เดิมหักพังลงมา แล้วมีการก่อพระเจดีย์ออกบนเนินเรียงรายอยู่สี่วิหาร

มีวิหารพระนาคปรก วิหารพระไสยาสน์ วิหารไว้พระพุทธรูปต่าง ๆ และวิหารพระป่าเลไลย์ วิหารหลวงพระอุโบสถอยู่บนพื้นแผ่นดิน ตั้งแต่หลังเกาะสูงประมาณมีถึงห้าวา หลังเกาะขึ้นไปเป็นองค์พระเจดีย์กลม ๑๔ วา ๒ ศอก ปรางค์สูง ๒๐ วา ยอดนพศูลสูง ๘ ศอก รวมความสูงตั้งแต่หลังเกาะถึงยอดนพศูลสูง ๘ ศอก รวมความสูง ตั้งแต่หลักเกาะถึงยอดนพศูล ๔๐ วา ๒ ศอก

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์เป็นแม่กองทำการปฏิสังขรณ์ และเมื่อสมเด็จเจ้าพระยา ฯ ถึงแก่พิราลัย ก็ได้โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยานิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี เป็น แม่กองดำเนินการต่อไป ได้จ้างพวกมอญทำอิฐ รวมทั้งทาสลูกหนี้ด้วย โดยคิดหักค่าตัวให้ จ้างจีนมาเผาปูน และ เป็นช่างก่อ เอาราษฎรจากเมืองนครไชยศรี เมืองสมุทรสาคร เมืองราชบุรี และเมืองพนัสนิคม โดยแบ่งคนออกเป็นสี่ผลัด เดือนละสองร้อยคน เมื่อก่อพระเจดีย์ได้สูง ๑๗ วา ๒ ศอก

ต่อมาเกิดฝนตกหนักอิฐที่ก่อทรุดตัวลง เพราะฐานทักษิณไม่มี จึงต้องรื้อออกทำใหม่ โปรดเกล้า ฯ ให้ถมพื้นที่ลุ่มดอนให้เสมอกัน ก่อฐานใหญ่รอง ๕ เส้น ๑๖ วา ๓ ศอก องค์พระเจดีย์ถึงยอดนพศูล ตลอดยอดมงกุฏ สูง ๓ เส้น ๑ คืบ ๖ นิ้ว

นอกจากนี้พระบรมราชสรีรางคาร รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว บรรจุที่ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม และฐานพระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศวิหาร ตามที่มีพระบรมราชโองการสั่งไว้ในพระราชพินัยกรรม ต่อมา ในพุทธศักราช 2529 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระอังคารของ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ 6 ไปบรรจุไว้เคียงข้างพระบรมราชสรีรางคารรัชกาลที่ 6 ที่ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์

พระร่วงโรจนฤทธิ์

ปี พ.ศ. 2451 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระยุพราช เสด็จประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือได้ทอดพระเนตร พระพุทธรูปโบราณเป็นอันมาก แต่มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่เมืองศรีสัชนาลัย (จังหวัดสุโขทัย) กอปรด้วยพระลักษณะงามเป็นที่ต้องพระราชหฤทัย แต่ชำรุดมากเหลืออยู่แต่พระเศียร พระหัตถ์และพระบาท จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญลงมากรุงเทพฯ แล้วให้ช่างปั้นสถาปนาขึ้นมาบริบูรณ์เต็มพระองค์ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีเททองหล่อขึ้นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2456 ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามกรุงเทพมหานครฯ

พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาของ พุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วไป ชื่อเต็มก็คือ พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรโมภาส มหาวชิราวุธ ตามประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566 แต่ประชาชนทั่วไป จะเรียกว่า หลวงพ่อพระร่วง หรือ พระร่วงโรจนฤทธิ์


พระร่วงโรจนฤทธิ์ มีขนาดความสูงวัดจากพระบาทถึงพระเกศ 7.42 เมตร หรือราว 12 ศอก 4 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ศิลปะแบบสุโขทัย ประทับยืนอยู่บนฐาน โลหะทองเหลืองลายบัวคว่ำบัวหงาย ทำวงพระพักตร์ตามยาว พระหนุเสี้ยมนิ้วพระหัตถ์ และพระบาทไม่เสมอกัน ห้อยพระหัตถ์ซ้ายลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ขวายกตั้งขึ้น ยื่นออกไปข้างหน้าระดับพระอุระ เป็นกิริยาห้าม มีพระอุทรพลุ้ยออกมา ห่มจีวรบางคลุม แนบติดพระวรกาย บ่ายพระพักตร์สู่ทิศเหนือ ทำด้วยโลหะทองเหลือง หนัก 100 หาบ

การอัญเชิญพระร่วงโรจนฤทธิ์ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2457 จำเป็นต้องแยกชิ้นมาและมาประกอบเข้าด้วย กันที่จังหวัดนครปฐมแล้วเสร็จเป็นองค์สมบูรณ์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 หลังจากรัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคต แล้ว ตามความใน พระราชพินัยกรรมของพระองค์ระบุว่าให้ บรรจุพระอังคารของพระองค์ไว้ใต้ฐานพระร่วงฯ ที่องค์พระ ปฐมเจดีย์ วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2469 จึงได้ทำพิธีบรรจุ พระบรมราชสรีรังคาร ณ ใต้ฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรโมภาส มหาวชิราวุธ ตาม พระประสงค์ทุกประการ


วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อาร์แอนด์บี (R&B)


อาร์แอนด์บี (R&B) หรือ ริทึ่ม แอนด์ บลูส์ (Rhythm and Blues) เป็นแนวเพลงที่ได้รับความนิยม โดยผสมผสานระหว่างเพลงแนว แจ๊ส กอสเปล และ บลูส์ โดยเริ่มแรกจะเล่นโดยศิลปินแอฟริกัน-อเมริกัน


ประวัติ
คำ ว่า ริทึ่ม แอนด์ บลูส์ ถูกใช้ครั้งแรกในนิตยสารบิลบอร์ดโดย เจอรี่ เว็กซ์เลอร์ (Jerry Wexler) ในปี ค.ศ. 1947 แทนที่คำว่า Race Music ที่เคยถูกใช้มาก่อน ในปี ค.ศ. 1948 บริษัท RCA Victor ได้เข้ามาทำการตลาดดนตรีคนผิวดำโดย ภายใต้ชื่อ Blues and Rhythm คำนี้ถูกกลับคำ โดยเว็กซ์เลอร์ ค่าย Atlantic Records ซึ่งเป็นผู้นำเพลงแนวอาร์แอนด์บีในยุคแรกๆ ในปีช่วงยุค 1970 ริทึ่ม แอนด์ บลูส์ ได้ครอบคลุมนิยามกับแนว โซล (Soul)และ ฟังก์ (Funk) ในปัจจุบันนิยมเรียกอาร์แอนด์บี มากกว่าคำว่า ริทึ่ม แอนด์ บลูส์ ริ ทึ่ม แอนด์ บลูส์ มีที่มาก่อน ร็อก แอนด์ โรลล์ ได้รับอิทธิพลมาจากเพลงแนวแจ๊ส,จัมพ์บลูส์ และ แบล็กกอสเปล มีนักดนตรีแจ๊สหลายคนที่บันทึกเสียงทั้งเพลงแจ๊ส และ ริทึ่ม แอนด์ บลูส์ เช่นวงสวิงแบนด์ของ Jay McShann, Tiny Bradshaw และ Johnny Otis เป็นต้น และโดยส่วนมาก นักดนตรีในสตูดิโอที่ทำเพลงอาร์แอนด์บี จะเป็นนักดนตรีแจ๊ส ใน ช่วงยุค 1950 ถือเป็นยุคคลาสสิกอาร์แอนด์บี มีการผสมแนวเพลงเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็น แจ๊ส และ ร็อก แอนด์ โรลล์ เพลงแนวอาร์แอนด์บีถูกพัฒนาไปที่ต่างๆ เช่นในรัฐนิวออร์ลีนส์ มีการใช้เปียโนในเพลง ตัวอย่างเช่นศิลปินที่เป็นที่รู้จักอย่าง แฟท โดมิโน (Fats Domino) ในเพลงติดชาร์ท "Blueberry Hill" และเพลง "Ain't That a Shame" อีกที่ที่มีการพัฒนาของเพลงแนวอาร์แอนด์บีคือ ลุยเซียนา มีศิลปินเช่น Clarence "Frogman" Henry, Frankie Ford, Irma Thomas, The Neville Brothers และ Dr. John เป็นต้น เพลง ร็อก แอนด์ โรลล์ ในรูปแบบของอาร์แอนด์บี ที่เป็นที่รู้จักเพลงแรกๆ เช่น "Rocket 88" และ "Shake, Rattle and Roll" ที่ขึ้นชาร์ททั้ง ป็อปชาร์ทและอาร์แอนด์บีชาร์ท ช่วง ต้นยุค 1960 เพลงแนวอาร์แอนด์บีมีแนวโน้มมีรูปแบบออกไปทางกอสเปลรวมถึงโซล มีศิลปินเช่น Ray Charles, Sam Cooke, และ James Brown และเริ่มมีศิลปินผิวขาวทำเพลงในแนวนี้ แต่จะเรียกว่า บลู-อายด์ โซล เช่น The Yardbirds, The Rolling Stones, The Pretty Things, The Small Faces, The Animals, The Spencer Davis Group และ The Who ในช่วงกลางยุค 1970 คนผิวสีทำเพลงในแนวดิสโก้ ถือเป็นปรากฏการณ์ในสังคม เพลงแนวดิสโก้ได้รับความนิยมอย่างมาก พอช่วงยุค 80 เพลงดิสโก้ก็หายไป กลายเป็นเพลงช้าๆ ฟังสบายๆ ที่เรียกว่า quiet storm จนกระทั่งในปัจจุบันอาร์แอนด์บีได้เพิ่มแนวฮิปฮอป และ แร็ปอีก ซึ่งได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน


รายชื่อศิลปินแนวอาร์แอนด์บี ระดับต้นๆ

* Babyface

* James Brown
* Gladys Knight
* Aretha Franklin

* Fats Domino
* Diana Ross

* Barry White
* Curtis Mayfield
* D'Angelo
* Earth, Wind & Fire

* Marvin Gaye

การเต้น HIPHOP











การ เต้น Hip Hop เป็นการเต้นตามจังหวะของดนตรี Hip Hop ซึ่งลักษณะที่สำคัญของดนตรีประเภทนี้จะเป็นการร้อง การพูด การแร็ป (Rap) ประกอบกับดนตรีอีเล็คโทรนิก และเครื่องเคาะจังหวะประเภทต่างๆ (Percussions) ซึ่งเป็นเพลงที่มีจังหวะที่เร็วปานกลางถึงเร็วมาก ดังนั้นท่าทางของการเคลื่อนไหวจึงเป็นการเต้นที่เร็ว มีการหยุด การกระตุกของร่างกายในแต่ละส่วน (Isolation) หรือการ locking การย่อขาและโยกตัวตัวขึ้น-ลง (Bouncing) และการกระโดด (Hop) ไปตามจังหวะเพลง โดยผู้เต้นจะเต้นเน้นจังหวะตามจังหวะของกลองและเสียงกีตาร์เบส มีการเลียนแบบการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ และกิริยาอาการต่างๆในชีวิตประจำวันของคนเราแล้วนำมาปรับเปลี่ยนเป็นท่าเต้น ท่าต่างๆเพื่อความหลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้แล้วนักเต้น Hip Hop ยังมักนิยมนำเอาการเต้นเบรคแดนซ์ (Break Dance) มาเต้นประกอบการเต้น Hip Hop อีกด้วย

การที่การเต้นประเภท Hip Hop กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายอย่างรวดเร็วในกลุ่มวัยรุ่นของไทย จึงทำให้สถาบันสอนเต้นรำหลายสถาบันในประเทศเพิ่มการเต้น Hip Hop เข้าไว้เป็นหนึ่งในวิชาที่เปิดสอนของสถาบันนั้นๆ จึงยิ่งเป็นการทำให้การเต้นประเภทนี้แพร่ขยายไปเร็วขึ้นอีก

ถึง แม้ว่าการเรียน Hip Hop จะเริ่มได้ตั้งแต่อายุประมาณ 8-9 ปี แต่กลุ่มนักเรียน Hip Hop ในประเทศไทยมักจะเริ่มตั้งแต่เด็กวัยรุ่นอายุตั้งแต่ประมาณ 12-13 ปีเป็นต้นไปจนถึงวัยคนทำงาน โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการแสดงในงานกิจกรรมต่างๆที่โรงเรียนจัดขึ้น เพื่อต้องการเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อน เพื่อการแข่งขันหรือการประกวดเต้นรำต่างๆ และเพื่อความสนุกสนาน รวมไปทั้งถือว่าเป็นการออกกำลังกายอีกประเภทหนึ่งด้วยเช่นกัน

ครู สอนเต้นรำที่ดีควรมีประสบการณ์ทั้งทางด้านการสอนและการแสดงค่อนข้างมาก เช่น เดียวกับการสอนการเต้น Hip -Hop ซึ่งผู้สอนควรที่จะต้องมีประสบการณ์จึงจะสามารถสอนให้นักเรียนได้รับทั้ง ความรู้ ความสนุกสนาน และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ การเต้น Hip Hop นอกจากจะเป็นการเต้นที่เป็นการนำท่าเต้นต่างๆที่มีผู้คิดค้นเอาไว้แล้ว และเป็นที่นิยมเต้นกันอย่างแพร่หลายมาสอนในชั้นเรียนแล้ว ยังสามารถเกิดจากการคิดท่าเต้นขึ้นมาใหม่เพื่อการสอนและการแสดงอีกด้วย ลักษณะการเรียนการสอนการเต้น Hip Hop จึงมักจะขึ้นอยู่กับหลักการและประสบการณ์ของครูผู้สอนเป็นสำคัญ แต่ในบางสถาบันยังจะขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้บริหารสถาบันอีกประการหนึ่งด้วย

ดัง ที่กล่าวไปแล้วว่าวิธีการเรียนการสอน Hip Hop นั้นไม่ได้มีหลักการที่แน่นอนและตายตัว และมักจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความสามารถและความถนัดของครูผู้สอนเป็นสำคัญ เช่นถ้าครูผู้สอนไม่สามารถเต้นท่าเบรคแดนซ์ได้ ก็มักจะสอนในท่าที่ง่ายๆหรือคิดออกแบบท่าเต้นที่ตนเองถนัดขึ้นมา ครูที่มีความสามารถในการเต้นหลายๆด้านก็จะมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และ สามารถสอนได้มีประสิทธิภาพมากกว่า


อาชีพที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเต้นหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Dancer เป็นทั้งผู้ออกแบบท่าเต้นและเต้นให้กับศิลปินต่างๆ

หลักและวิธีการการเต้น Hip Hop จะแบ่งออกเป็น 6 ขั้นตอน ได้แก่

• การอบอุ่น ร่างกาย (Warm Up) โดยครูผู้สอนจะนำการอบอุ่นร่างกายในทุกส่วนตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า ได้แก่ คอ ไหล่ ลำตัวช่วงบน (Rips) ช่วงกลางลำตัว สะโพก เข่า ขา และเท้า โดยจะป็นการเคลื่อนไหวแบบแยกส่วน (Isolate)ไปในทิศทางต่างๆที่ร่างกายมนุษย์สามารถทำได้ เช่น ด้านหน้า ด้านข้างทั้งสองข้าง ด้านหลัง และการเคลื่อนร่างกายส่วนต่างๆเป็นวงกลม เป็นต้น ท่าที่ใช้ในการอบอุ่นร่างร่างกายจะเป็นการฝึกท่าเต้นและการเคลื่อนไหวร่าง กายในสไตล์ Hip Hop ขั้นพื้นฐานอีกด้วย โดยการนำท่าฝึกหัดต่างๆมาเต้นต่อเนื่องกัน

• การ โยกตัว (Hop) เป็นการฝึกที่เริ่มจากการงอลำตัวมาทางด้านหน้า แล้วยืดตัวขึ้น โดยทำซ้ำๆกันหลายๆครั้ง แล้วเริ่มงอเข่า (ย่อเข่า) แล้วยืดเข่า(ไม่จำเป็นต้องยืดเข่าสุด) ทำซ้ำหลายๆครั้งต่อเนื่องกันไปตามจังหวะ เมื่อคล่องแล้วจึงโยกตัวและย่อเข่าไปพร้อมๆกัน แล้วจึงเริ่มก้าวเท้าไปยังทิศทางต่างๆ เช่น ด้านข้างซ้าย ด้านขวา ด้านหน้า และด้านหลัง เป็นต้น ต่อมาจึงเริ่มใช้ข้อศอกและแขนงอและตึงไปตามจังหวะของขา

• การ เดิน (Walking) ประกอบด้วยการก้าวสไลด์เท้า ก้าวขา และหันตัวไปในทิศทางต่างๆโดยใช้เทคนิคการย่อขา การถ่ายน้ำหนักจากขาหนึ่งไปยังอีกขาหนึ่ง และยืดขาเพื่อให้ลำตัวเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

• การ ล็อกตัว (Locking) คือการเคลื่อนไหวร่างกายแบบกระตุกแล้วหยุด สามารถฝึกได้ทั้งการกระตุกเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย และการรวมกันของส่วนของร่างกายมากกว่าหนึ่งส่วนขึ้นไปประกอบกันเป็นท่าต่างๆ

• การ เต้นแบบหุ่นยนต์ (Robot) เป็นการเต้นเลียนแบบการคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ โดยการเริ่มฝึกจะเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายไปทีละส่วน เช่นการใช้แขนยกขึ้น กระตุกเล็กน้อยแล้วหยุด สามารถทำได้ทั้งแขนเดียวขึ้นลงสลับกัน และทั้งสองแขนเคลื่อนไปพร้อมๆกัน เป็นต้น โดยสามารถเคลื่อนไหวได้ทุกส่วนของร่างกายเช่นเดียวกัน ท่าทางการเคลื่อนไหวแบบหุ่นยนต์มักใช้ประกอบในการเต้นเพื่อโชว์ถึงความ สามารถพิเศษของผู้เต้น เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าสนใจและความหลากหลายในการแสดง เป็นต้น

• การ เต้นระบำ (Routine) เป็นการนำท่าเต้นต่างๆที่ฝึกมาเต้นประกอบดนตรีแบบต่อเนื่องกัน โดยผู้สอนจะค่อยๆเริ่มต่อท่าซึ่งมักเรียกกันว่าเป็นการต่อท่าเซ็ท (Set) ทีละน้อย การเต้นระบำจะเป็นกลุ่มท่าที่ครูผู้สอนได้ออกแบบและเรียบเรียงขึ้นเพื่อเป็น การฝึกทักษะขั้นสูงขึ้นและไม่นิยมใช้ท่าเดียวกันเต้นซ้ำไปมาเหมือนกับการฝึก exercise ต่างๆ ครูผู้สอนมักออกแบบท่าทางให้เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียนส่วนใหญ่ในชั้น เรียน โดยมีการพัฒนาโดยการเพิ่มจำนวนท่าเต้นให้ยาวขึ้นในแต่ละครั้งที่มีการเรียน การสอน และอาจมีการปรับเปลี่ยน ท่าให้มีความยากขึ้นโดยใช้ท่าที่ต้องใช้ทักษะและความแข็งแรงของร่างกายมาก ขึ้น ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของนักเรียนในชั้นเป็นสำคัญ