วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ทำไมของ1โหลต้องมี 12 ชิ้น??

ทำไมของ1โหลต้องมี12
ชิ้นจำนวน 12 ในหนึ่งโหลของไทยนั้นสัมพันธ์กับระบบนับจำนวนของต่างชาติ ซึ่งมีคำว่า dozen (โดซเซ่น) หมายถึง 12 เช่นเดียวกัน ย้อนกลับไปหาที่มาคำว่า dozen ถือกำเนิดจากชาวสุเมเรียนในเมโสโปเตเมีย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นชนชาติแรกที่สร้างสัญลักษณ์การนับตัวเลขในชีวิตประจำวันด้วยการเปล่งเสียงเรียก

ต่อมาในช่วง 3,100 ปี ก่อนคริสตกาล ......ชาวสุเมเรียนเขียนจำนวนตัวเลขเป็นรูปลิ่ม และสร้างระบบจำนวนขึ้นมา จากฐาน 60 ซึ่งง่ายต่อการหารด้วยจำนวนต่างๆ แบ่งเป็นแฟ็กเตอร์ (ส่วนที่คูณกันขึ้นเป็นจำนวน) ได้แก่ 2, 3, 4, 5, 6, 10, 12, 15, 20, และ 30 คำว่า dozen มีความหมายมาจาก "5 ส่วนของ 60" (12 คูณ 5 เท่ากับ 60) ภาษาละตินหมายถึง 12 ขณะที่ชาวโรมันถือว่าเลข 12 เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ จึงนำมาสร้างระบบการนับปี แบ่งให้มี 12 เดือน ส่วนพ่อค้าแม่ขายในในสมัยโบราณก็นิยมใช้ 12 ขายของ เพราะสะดวกและแยกส่วนได้ง่ายกว่าเลข 10 และใช้เรื่อยมาจนทุกวันนี้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่า ในช่วงยุคกลางของอังกฤษ พ่อค้าขนมปังจะต้องถูกลงโทษหนัก หากตัดขายขนมปังในน้ำหนักที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ขณะที่พ่อค้าขนมปังในยุคนั้นก็ไม่ได้มีความรู้นับจำนวนอะไร กลัวจะพลาดระหว่าง 11 ก้อนกับ 12 ก้อน จึงหันไปใช้วิธีกันเหนียว คือตัดขนมปัง 13 ก้อนเวลาที่จะขายขนมปังหนึ่งโหล กรณีนี้หนึ่งโหลเลยมี 13 ชิ้น ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ส่วนนักจิตวิทยาบางคนเคยทดสอบความแตกต่างระหว่างคนที่ชอบเลข 12 มากกว่าเลข 10 ว่าเป็นคนที่ยืดหยุ่นและอ่อนโยนกว่า อันนี้ก็ฟังไว้เล่นๆ ได้ ข้อมูลจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย ระบุว่า โหลมาจากภาษาอังกฤษว่า Dozen รากศัพท์ภาษาละตินว่า duodecim เชื่อว่าเป็นการนับเลขรวมกลุ่มแบบแรกๆ เพราะตัวเลข 12 มาจากฐานการนับรอบดวงจันทร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ รู้จักว่าเป็นระบบจำนวนฐานสิบสอง หรือทวาทิศนิยม (duodecimal system) 12 โหลเรียกว่า 1 กุรุส (a gross) การนับโหลสะดวกสบาย เพราะตัวคูณและพหุคูณคิดได้ง่าย เช่น 12 เท่ากับ 3 X 2 X 2 หรือ 360 เท่ากับ 20 X 3

7 เครื่องปรุงแปลกแต่จริง

7 อันดับ เครื่องปรุงประหลาด(แต่จริง)
ใน วงการอาหาร ยังมีเรื่องที่ผู้บริโภคไม่รู้อยู่อีกเยอะ โดยเฉพาะส่วนผสมในการเป็นอาหารชิ้นหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่า มันมีอะไรพิลึกมากกว่าที่เราคิดได้ ส่วนผสมต่อไปนี้ ไม่ใช่ส่วนผสมที่มีอยู่ในอาหารทั่วไปนะครับ จึงวางใจได้บ้าง(น่ะนะ)


อันดับ 7 ทองคำ
อัน นี้ก็ไม่ต่างจากทองคำเปลวที่เราใช้ตกแต่ง อาหาร ทองที่ประเทศอื่นๆก็นำมาใช้เป็นส่วนประกอบเสริมในอาหารหลายอย่างรวมถึง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย ล่าสุดมีข่าวเรื่องไอติมแพงที่สุดในโลก ก็มีส่วนผสมของทองอยู่ในนั้น


อันดับ 6 บอแรกซ์
ก็ คือน้ำประสานทองที่เราเคยเรียนตอนเด็กๆ นั้นแล นอกจากนี้ ที่เราเรียกว่าผงเนื้อนิ่ม บางอันก็คือบอแรกซ์นะครับ ชื่อที่ได้ยินกันคือ ผงกรอบ หรือเบ่งแซ(ไม่รู้ว่าอันเดียวกับแปะแซรึเปล่า) หาก ได้รับในปริมาณไม่มากแต่ได้รับบ่อยเป็นเวลานาน จะเกิดอาการเรื้อรัง เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ผิวหนังแห้งอักเสบ หนังตาบวม เยื่อตาอักเสบ ตับ และไตอักเสบ ระบบสืบพันธุ์เสื่อมสมรรถภาพ เป็นต้น ซึ่งเมืองนอกถือว่าเป็นของผิดกฏหมาย แต่ก็มีพบว่าเขาเอาไว้ใช้ในการเก็บรักษาไข่ปลาคาร์เวียร์

อันดับ 5 ทาร์(Coal Tar)
Coal tar หรือ สารทาร์ ก็คือน้ำมันดิน ซึ่งสารทาร์ถูกนำไปเปลี่ยนแปลงเป็นสารชนิดหนึ่งชื่อว่า Allura Red AC เป็นสารสีแดง ซึ่งขณะที่เรารู้ว่าทาร์เป็นสารก่อมะเร็งแน่ๆ(และอย่างมากด้วย) Allura Red AC ยังไม่มีงานวิจัยที่พบว่าเป็นสารก่อมะเร็ง อย่างไรก็ตาม มีข่าวเล่าว่า Allura Red ACเป็นสารที่ผสมอยู่ในโค้ก ซึ่งแทบจะเชื่อข่าวนี้ไม่ได้ เพราะว่าสูตรผสมของโค้กถูกเก็บไว้อย่างดีขนาดที่ว่ามีรู้อยู่แค่สองคนบนโลก นี้ อาจเป็นข่าวที่ใช้โจมตีบริษัทโค้กก็เป็นได้ และอีกข่าวนึงคือ เป็นส่วนผสมของยาชื่อ Tylenol(ชื่อการค้าของพาราเซตามอลอันหนึ่ง) FDA(อย.ของฝรั่ง)มีการยืนยันว่าพบสารนี้อยู่ในลูกอมและขนมของเด็กรวมถึงSoft Drinkด้วย สำหรับทริกเล็กๆนะครับ สารนี้จะทำให้รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน ดังนั้น ถ้าคุณกินขนมหรือเครื่องดื่มแล้วจะอ้วก(แบบว่าไม่ใช่มันไม่อร่อยนะ) ให้หยุดกินทันที แล้วค่อยๆไล่ดูว่าสาเหตุมาจากอาหารนี้หรือไม่(เพราะบางคนอาจท้องไม่รู้ตัวก็ เป็นได้)

อันดับ 4 เชลแลค
เชล แลคหรือน้ำมันขัดเงานี้แหละครับ เป็นส่วนผสมในขนมบางอัน โดยเชื่อว่าทำให้สีสันดูสดใส(ก็เหมือนเคลือบเงาไง)และมีรายงานจริง ในขนมของเมืองนอกชื่อSkittle(เหมือนขนมหลากรสผลไม้อ่ะ) ซึ่งเชลแลคนี่มาจากด้วงชนิดหนึ่งซึ่งสารนี้เอาไว้ทำให้ตุวดักแด้อยู่แน่น ขึ้น

อันดับ 3 ไวรัส
ไวรัส ชนอดนี้เรียกว่า Bacteriophage หน้าที่มันคือเข้าไปทำลายแบคทีเรียครับ ตามหลักการอาหารแล้ว สาเหตุที่อาหารเน่าหรือเป็นพิษ เกิดจากแบคทีเรียไปเพาะพันธุ์ในอาหารนั้น ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีว่า ทำให้เน่า บางตัวทำให้เป็นพิษ จุดประสงค์ของคนที่ปล่อยไวรัสนี้ในอาหารต้องการแก้เรื่องอาหารเป็นพิษและ Listeriosis ขณะที่FDAยังไม่กล้าระบุว่าปลอดภัย แต่กล่าวว่า“As long as it [is] used in accordance with the regulations, we have concluded it’s safe.”

อันดับ 2 ก้นบีเวอร์
เรื่อง จริง! ลักษณะจะคล้ายๆกับเมล็ดกาแฟที่แพงทีสุดในโลกครับ ซึ่งกาแฟนั้นมาจากชะมดกินเม็ดกาแฟเข้าไปแล้วอึออกมา เนื่องจากที่ก้นของสัตว์จะมีต่อมน้ำมัน ซึ่งก็จะมีกลิ่นเฉพาะ นึกถึงเวลาเหงื่อออกก็จะมีกลิ่นตัว หรือว่าเวลากินไก่ย่างถ้าใครกินตูดไก่จะพอเข้าใจ สารCastoreum(สารตูดบีเวอร์)นำมาใช้ในอาหารพวกที่มีส่วนผสมของราสเบอร์รี่ โดยทำให้รสชาติดีขึ้น นอกจากนั้น สารนี้ยังพบในบุหรี่และหมากฝรั่งบางยี่ห้อด้วย อีกเรื่องหนึ่งคือ ต่อให้เราพบสารCastoreumในบีเวอร์แล้ว แต่เรายังไม่สามารถสกัดมันออกมาได้แบบบริสุทธิ์ ดังนั้น สิ่งที่เรากินกัน นั่นคือ Organic แน่นอนครับ

อันดับ 1 Skatole(มาลองทายดูสิว่าสารนี้อยู่ในไหน)
สาร ชนิดนี้ถูกนำมาใช้ในบุหรี่ นอกจากนั้นเอามาใช้ในน้ำหอมหลายชนิดด้วย แต่อาหารที่มีส่วนผสมของSkatoleที่เป็นที่รู้จักกันที่สุด ก็คือ ไอติมรสสตรอเบอรร์รี่ครับ เพราะมันจะเพิ่มรสชาติของไอติมนิดหน่อยให้พอกลมกล่อมและดีขึ้นเหมือนของที่ เข้ากันน่ะครับและคุณคงไม่ชอบมันอย่างยิ่งแน่ๆ ถ้ารู้ว่า Skatole เป็นคำที่มาจากภาษาละติน โดยSkatแปลว่า อึถูกต้องแล้วคะ เขาสกัดอึมาใส่ในไอติมสตรอเบอรร์รี่(บางยี่ห้อของเมืองนอกนะ แต่เมืองไทยไม่รู้)











10 อันดับคำสาปของโลก


10อันดับคำสาปของโลก
อันดับ 10 เพชรโฮป (Hope Diamond)
เป็นเพชรสีนํ้าเงินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีนํ้าหนักถึง 45.52 กะรัต โดยพ่อค้าฝรั่งเศสนาม จอห์น แบ็บติส ทราวิเนียร์ ได้ขโมยมาจากพระนลาฏ (หน้าผาก) เทวรูปฮินดูในวิหารแห่งหนึ่งของอินเดีย เมื่อราว ค.ศ. 160 โดยหารู้ไม่ว่าโคตรเพชรนี้มีคําสาปติดมาด้วย นั่นคือ มันผู้ใดที่ขโมยหรือครอบครองเพชรโฮป จะต้องประสบความวิบัติทุกรายไป! และก็จริงตามคําสาป นับตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงซื้อเพชรนี้ จากนายทราวิเนียร์ พระองค์และพระราชวงศ์ก็ทรงได้รับภัยร้ายกาจจากการปฏิวัติของฝรั่งเศสตลอด กระทั่งนาย เฮนรีย์ ฟิลิป โฮป (เจ้าของชื่อเพชรเม็ดนี้) นายปิแอร์ คาร์เทียร์ (พ่อค้าอัญมณีชื่อดังที่เรารู้จักกันดี) ฯลฯ ล้วนประสบกับอัปมงคล จนถึงผู้ครอบครองรายสุดท้ายคือ ตระ***ลของ เซอร์ ฮาร์รีย์ วินสตัน ได้ให้เลดี้ไฮโซ ผู้หนึ่งยืมสร้อยคอเพชรโฮป สวมใส่ในงานราตรี สองเดือนต่อมา ลูกน้อยของเธอก็ตายอย่างลึกลับ สามีกลายเป็นบ้าและต้องหย่าขาดกัน ในที่สุด ทายาทตระ***ลวินสตันจึงมอบเพชรโฮปให้สถาบันสมิธ โซเนียนของสหรัฐฯ เป็นผู้อนุรักษ์แทน

อันดับ 9 วิหารกระดูก แห่งเมือง อีโวราโปรตุเกส
วิหารนี้สร้างในศตวรรษที่ 15 โดยพระนิกายฟรานซิสกัน ที่ประหลาดพิสดารคือ ผนังภายในวิหารนี้สร้างขึ้นจากกระดูกของมนุษย์กว่า 5,000 คนครับ เท่านั้นไม่พอ มีซากศพ 2 ร่าง ห้อยแขวนติดผนังด้านหนึ่งด้วย! ตํานานวัดระบุว่า ครั้งกระโน้นมีสตรีนางหนึ่งซึ่งยึดมั่น ในคาทอลิก แต่ได้ถูกสามีผู้โมโหร้ายกับลูกชายของ เธอเองช่วยกันโบยตีจนตาย ก่อนสิ้นชีวิต เธอได้สาป ให้วิญญาณของเขาทั้ง 2 ลงนรก แม้แต่พื้นพสุธา ก็จะไม่ยินดีรับร่างของเขาไว้ ไม่นานนัก ชายทั้งสองก็ถึงแก่มรณกรรม ชาวเมืองพยายามขุด หลุมฝังศพของเขา แต่ขุดลงไปที่ใดก็เจอะแต่หิน เมื่อจนปัญญา พวกเขาจึงนําเอาซากศพทั้งสองขึ้น ไปห้อยแขวนไว้กับ ผนังวิหารดังกล่าว สําหรับให้นักบวชได้ใช้ปลง ในระหว่างทําสมาธิ ก็นับเป็นคําสาปที่ขลังยิ่ง

อันดับที่ 8 ละครเรื่อง แม็คเบ็ธ (Macbeth) ของเชคสเปียร์
ละครเรื่องนี้มีฉากที่เกี่ยวกับแม่มดและ คําสาปมนต์ดํา ว่ากันว่าทําให้แม่มดตัวจริงสมัยนั้น เคืองแค้น ที่เชคสเปียร์นําเอาเรื่องลับของพวกเขามาเปิดเผย จึงสาปให้ละครเรื่องนี้มีอันเป็นไป-หากใครนํามาแสดงโดยเฉพาะตัวละครที่เล่นบท แม็คเบ็ธ ผลของคําสาปอุบัติขึ้นตั้งแต่หนแรกสุดที่ละครนี้ออกแสดง โดยผู้แสดงที่ชื่อ ฮัล เบอร์ริดจ์ ซึ่งสวมบทเลดี้เอม ได้ล้มเจ็บลงในคืนนั้น และสิ้นใจตายหลังเวที และนับแต่นั้นมาเกือบ 400 ปี ละครเรื่องนี้ก็มีอาถรรพณ์เกิดขึ้นกับนักแสดงมาตลอด เช่น มีอุบัติเหตุบาดเจ็บ ล้มตาย บางคนฆ่าตัวตาย และที่น่าพรึงเพริดที่สุดก็คือ ในปี ค.ศ. 1947 นักแสดงชื่อ ฮาโรลด์ ทอร์แมน เป็นผู้รับบทแม็คเบ็ธ ในระหว่างการดวลดาบนั้น คู่ต่อสู้ของเขาลืมสวมที่ครอบปลายดาบ พอแม็คเบ็ธ ถูกแทงล้มลง กลางเวที ผู้ดูต่างก็ปรบมือพอใจในบทบาท หากทว่า หลังเวทีนั่นซิ ต่างก็ตกใจกันยิ่งนักที่เขาโดน แทงจริงๆ ทอร์แมนตายใน 3 สัปดาห์ต่อมา

อันดับ 7 คําสาปของ อลิสแตร์ ครอว์ลีย์ พ่อมดแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์
สกอตแลนด์ ปี 1899 ครอว์ลีย์อาศัยอยู่ในบ้านอย่างโดดเดี่ยว ทางตอนใต้ของทะเลสาบที่ลือลั่นในเรื่องอสุรสัตว์ กล่าวกันว่า เ ขาขมังในเรื่องเวทมนตร์และเลี้ยงวิญญาณภูตไว้ถึง 115 ตน เขาสามารถดลบันดาลให้ เพื่อนบ้านหลายคนมีอันเป็นไปนานา จนเป็นที่หวาดหวั่นไปทั่ว ก่อนตาย ครอว์ลีย์ ได้สาปทิ้งท้ายไว้กับยอด เขาแห่งหนึ่ง ซึ่งเรียกกันว่า “ปล่องไฟปีศาจ” และครอว์ลีย์เคยหลงทางที่ยอดเขานี้ ซึ่งทําให้เขาขัดเคืองใจ จึงสาปว่าเมื่อใดที่ยอดเขานี้พังทลาย สิ่งชั่วร้ายต่างๆก็จะถูกปลดปล่อยแผ่กระจายไปด้วย ปล่องไฟปีศาจ” ยืนหยัดอยู่นานนับพันปี แต่แล้วในเดือนเมษายน 2001 ยอดสูงราว 70 เมตร ก็มีอันถล่มทลายลงมาในทะเล เรื่องนี้ทําให้ผู้ที่เชื่อถือในตํานานพากันผวาไปตามกันเลยครับ ป่านนี้นรกคงครอบคลุมแผ่นดินแล้ว!

อันดับ 6 คําสาปวูดูแห่งนิวออร์ลีนส์ สหรัฐฯ
แม่มดวูดูผู้นี้มีนามว่า มารี ลาโว มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1800 กว่าๆ เพื่อนบ้านรํ่าลือกันว่าเธอสามารถสาปได้ทั้งคนและสัตว์ โดยใช้มนต์ดําของวูดู กระทั่งทุกวันนี้ยังมีการ จัดทัวร์พาไปชมบ้านของเธอ รวมทั้งบนบานขอให้เธอช่วยสาปใครก็ได้ เรียกกันว่า บลัดดี้มารีทัวร์ ทั้งนี้ ผู้ขอจะต้องปฏิบัติดังนี้ เริ่มจากเคาะ 3 ครั้งบนโลงศพของมารี แล้วหมุนกายทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ เซ่นเหล้ารัม ข้ามหลุมศพ 3 หน แล้วเปล่งชื่อของเธอออกมาดังๆ จากนั้นก็บอกกล่าวถึงจุดประสงค์ของคุณ (ว่าจะให้เธอดลให้ศัตรูของคุณวิบัติอย่างไร) ไม่เชื่อก็เดินทางร่วมทัวร์ไปพิสูจน์ได้

อันดับ 5 คําสาป ตุตันคาเมน อียิปต์
เรื่องนี้เราคงเคยได้ฟังกันมาแล้ว จึงขอผ่านนะคะ สรุปสั้นๆแค่ว่า ทั้ง โฮวาร์ด คาร์เตอร์, ลอร์ด คาร์นาวอน และผู้มีส่วนรบกวนสุสานของฟาโรห์องค์ นี้ ล้วนมีอันล้มหายตายจากก่อนวัย อันควรทั้งนั้น

อันดับ 4 อีกา แห่งป้อมปราสาท ลอนดอน (Tower of London)
ป้อมปราสาทนี้ เป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะถูกใช้เป็นที่คุมขังและ ประหารบุคคลสําคัญๆ ของอังกฤษมากมาย หลายท่าน ณ ลานปราสาทแห่งนี้จะมีการเลี้ยงดูอีกา จํานวน 6 ตัว เนื่องจากมีคําสาปมานานกว่า 900 ปี ว่า ถ้าหากอีกาลดจํานวนลงเมื่อใด เมื่อนั้นความหายนะจะมาเยือน นครลอนดอน และสิ้นสุดพระราชวงศ์แห่งอังกฤษ! เรื่องนี้มีตํานานปรากฏเป็นเอกสาร ในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ราวศตวรรษที่ 17 ด้วยนะคะ ไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอยแต่อย่างใด และทําให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นยาม หรือกษัตริย์ถือเป็นเรื่องจริงจังอย่างเคร่งครัด เช่นว่า ถ้ามีอีกาตายหนึ่งตัว จะต้องรีบถวายรายงานต่อควีนทันที และต้องจัดหาอีกาตัวใหม่ มาทดแทนโดยด่วน ซึ่งอีกาทุกตัวจะมีชื่อเรียก และถ้าตายก็จะถูกนําไปฝังอย่างมีพิธีการ จะมีการเลี้ยงอีกาไว้สํารองตลอดเวลา ถ้าตัวใดล้มป่วย ก็ต้องรีบตรวจสอบ หาไม่ถ้าหากตายโดยโรคติดต่อ (เช่น ไข้หวัดนก) และเช้าขึ้นมาอีกาตายเกลี้ยงละก้อ เชื่อกันว่าทั้งพระราชวงศ์ก็จะอันตรธานไปเช่นกัน

อันดับ 3 คําสาปตะกั่วแห่งกรีซ
ใน ค.ศ. 1979 มีการขุดค้นโบราณสถานชื่ออโกรา, นครเอเธนส์ ทําให้พบแผ่นม้วนตะกั่วบางๆ ซึ่งมีจารึกภาษาโบราณอันเป็นคําสาปปรากฏอยู่ แผ่นตะกั่วนี้เรียกกันว่า คาตาเรส (Katares) ใช้ใส่ลงในโลงศพก่อนจะฝัง เชื่อกันว่า ตะกั่วจะทําให้คําสาปจมลงไปอย่างรวดเร็วถึงขุมนรกพร้อมกับวิญญาณผู้ตาย เพื่อที่พระยมจะได้อ่านคําสาปและดลบันดาลให้เป็นไปตามนั้น นอกจากนี้ การฝากหรือทิ้งแผ่นคําสาปลงไปในนํ้าก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง เพราะนํ้าจะสามารถสื่อ ไปถึงผู้ที่เราต้องการสาปได้ ซึ่งแผ่นคาตาเรสกว่า 100 แผ่นที่ค้นพบนี้ได้ระบุจ่าหน้าถึง ซูลิส ไมเนอร์วา ซึ่งเป็นเทพีด้านอุทกของโรมัน

อันดับ 2 คําสาปวัฏจักรมรณกรรมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
นี่ก็เป็นอาถรรพณ์อีกอย่างซึ่ง โด่งดังมาก นั่นคือ ปธน. สหรัฐฯ ท่านใดที่ได้รับเลือกตั้งในปี ค.ศ. ที่ลงท้ายด้วยเลข 0 จะต้องถึงแก่ มรณกรรมในหน้าที่ ตํานานระบุว่า ผู้ที่สาปก็คือ เตคัมเซ่ หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง ผู้คับแค้นจากการถูกชนผิวขาวเข้ามายํ่ายีแย่งแผ่นดิน เขาได้สาปไว้ก่อนที่จะถูกฆ่าตายในปี ค.ศ. 1813 ปธน.คนแรกที่ตกเป็นเหยื่อก็คือ วิลเลียม เฮนรีย์ แฮร์ริสัน ที่ได้รับเลือกตั้งใน ค.ศ. 1840 ถัดจากนั้นคําสาปก็เป็นจริงมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น • ลิน-คอล์น (1860) • การ์ฟิลด์ (1880) • แม็คคินลีย์ (1900) • ฮาร์ดิ้ง (1920) • รูสเวลท์ (1940) • เคนเนดี้ (1960)

อันดับ 1 คําสาปในสวนอีเดน (Garden of Eden)
นับเป็นคําสาปแรกเริ่มสุดๆ ตั้งแต่ครั้งพระเจ้าสร้างโลกโน่นเลย โดยปรากฏเรื่องราวอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า ก็อดทรงเสกอาดัม-มนุษย์ผู้ชายขึ้นก่อน จากนั้นก็แซะเอาซี่โครงของอาดัมมาเสกเป็นอีฟ แล้วส่งทั้งคู่ไปอยู่ในสวนอีเดน พร้อมรับสั่งว่าจะกินอะไรก็ได้ทุกอย่าง ยกเว้นผลไม้จากต้นแห่ง ความรู้หรือแอปเปิ้ล แต่งูตัวแสบซิครับ มันยุยงอีฟให้หมํ่าแอปเปิ้ลเข้าไป หมํ่าคนเดียวไม่พอ อีฟยังชักชวนให้อาดัมหมํ่าด้วย เมื่อขัดคําสั่งของพระเจ้า ก็เป็นเรื่องซิ

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

10 เรื่องบันลือโลก

หนอน หนังสือตัวจริงต้องรู้จักชื่ออัลเบิร์ตแจ็ค(ไม่เห็นรู้จัก) นักเขียนที่มีผลงานเล่มแรกก็ดังระเบิดเป็นพลุ หนังสือขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หนังสือเล่มดังกล่าวชื่อว่า เรดเฮอร์ริง แอนด์ ไวท์ อีเลเฟ่น (ปลาเฮอร์ริงแดงกับช้างเผือก) เป็นเรื่องราวสืบหาต้นกำเนิดของสำนวนภาษาอังกฤษที่พุดกันเป็นประจำ ล่าสุดเขาใช้ทักษะการสืบสวนไขปริศนาเรื่องราวลึกลับที่รู้จักกันทั่วโลกรวบรวมเป็นผลงานเล่มใหม่ชื่อ Albert Jack's Ten Minuit Mysteries

1.ผีย้ายโลง

ประเดิม เรื่องแรกเป็นเรื่องลึกลับเกี่ยวกับบศพคนในตระกูลเชสที่เก็บอยู่ในห้องเก็บ ศพใต้ดินของโบสถ์คริสต์ที่ตั้งอยู่บนเกาะบาร์บาดอสฝั่งตะวันออกของทะเล แคริบเบียน เรื่องแปลกก็คือ ทุกครั้งที่เปิดห้องเก็บศพออกมาเพื่อนำศพของคนตระกูลเชสไปเก็บต้องพบว่าบศพถูกสลับที่สลับทาง ทั้งที่ห้องล็อกแน่นหนา และบศพหนักอึ้งขนาดต้องใช้ผู้ชายแข็งแรงแปดคนจึงจะย้ายบได้ บางครั้งมีคนได้ยินเสียงครางดังออกมาจากห้องตอนค่ำคืน

มีหลายทฤษฎีถูกนำมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเช่น น้ำท่วม (โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่ง และเคยถูกพายุทำลายเสียหายหลายครั้ง) บ้างอธิบายว่าเป็นเพราะสนามแม่เหล็ก โจรเข้ามาลักทรัพย์ ผีดิบ และแผ่นดินไหว

2.ปัวโรต์ยังปวดขมับ (10 วันที่อกาธาคริสตี้หายไป)

ปีพ.ศ.2569 อกาธาคริสตี้ นักเขียนนิยายสืบสวนมือพระกาฬของโลกเกิดหายตัวไปอย่างลึกลับชนิดที่ถ้านักสืบปัวโรต์ตัวเอกในนิยายนักสืบของเธอมีจริง ยังต้องมึนตึ้บไปกับการหายตัวอย่างไรร่องรอยของนักเขียนดังท่านนี้ ตำรวจพบรถของคริสตี้ฝังซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ ไฟหน้าแตก เบาะหลังมีกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ แต่ไร้ร่องรอยของนักเขียนเรืองนาม หลังจากหาตัวกันจ้าละหวั่นนานสิบวัน ตำรวจพบอกาธานั่งอ่านข่าวการหายตัวของเธออยู่ในห้องโถงรับรองของโรงแรมในเมืองยอร์กเชียร์ เธออ้างว่าเกิดความจำเสื่อมเพราะเครียดที่สามีบอกเลิก แต่ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจริงหรือไม่ จน กระทั้งเธอตาย ปริศนานี้เลยเป็นปริศนาตลอดกาล ยกเว้นอกาธาเคยบอกว่านิยายเรื่องล่าสุดของเธอมีคำตอบที่แท้จริงว่า 10 วันที่เธอหายไปเธอไปอยู่ที่ไหน.....

3.ปล้นกลางเวหาสะท้านโลกันตร์

ปีพ.ศ.2514 ชายที่ใช้ชื่อว่า ดี.บี.คูเปอร์ จี้เครื่องบินของสายการบินแห่งหนึ่งของสหรัฐ เรียกเงิน 2 แสนดอลลาร์เป็นใบละ 20 ดอลลาร์ล้วน พร้อมร่มชูชีพสี่ชุด ผู้โดยสารลึกลับรายนี้กระโดดออกจากเครื่องบินแล้วหายวับไปในอากาศ โดยเขาโดดร่มหายไปตรงที่ใดที่หนึ่งแถบตะวันตกของสหรัฐฯ อย่างลอยนวล ซึ่งเอฟบีไอตามล่าอย่างไม่ลดละอยู่ 8 ปี ไม่พบทั้งคน ร่มชูชีพ หรือเงิน อย่างนี้ต้องยกให้เป็นโจรเทวดาขนาดแท้

4. ปีศาจลอคเนส (เนสสี ไดโนเสาร์หรืองวงช้าง)

ทุกวันนี้"เนสสี" กลายเป็นสถาบันระดับชาติของสกอตแลนด์ไปเรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่ "ภาพปริศนา" ปรากฏให้ฉงนว่ามันเป็นสัตว์โลกดึกดำบรรพ์หลงยุคที่ยังมีลมหายใจอยู่ในโลกปัจจุบัน ช่วงปีที่บันทึกภาพสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบเนสสีบังเอิญเป็นปีเดียวกับคณะละครสัตว์ของเบอร์ทรัม มิลล์ ยกขบวนมาแสดงที่เมืองแห่งนี้ อาจเป็นไปได้ว่า แท้จริงแล้วภาพที่ดูเหมือนลำคอยาวของไดโนเสาร์ที่โผล่ขึ้นเหนือน้ำเป็นแค่งวงช้างละครสัตว์ช่วงที่มันดำน้ำเล่นพักร้อนระหว่างเดินทาง ไม่ว่าจะอย่างไร ลอคเนสทำรายได้ท่องเที่ยวให้กับแดนปี่สกอตปีละ 50 ล้านปอนด์

5.พิศวงกลางทะเล (ลูกเรือแมรี่เซเลสเต้หายสาบสูญอย่างพิศวง)

เรือแมรี่เซเลสเต้(The Mary Celeste) เป็นเรือสัญชาติอเมริกาขนาด 103 ฟุต 282 ตัน เดิมเป็นเรืออเมซอนซึ่งถูกสร้างในปี 1861 และในปี 1869 ก็ถูกปรับปรุงและเปลี่ยนชื่อเป็นแมรี่เซเลสเต้

วันที่ 7 พฤศจิกายน 1872 เรือแมรี่เซเลสเต้ออกเดินทางจากนิวยอร์คมุ่งไปยังเจนัว ประเทศอิตาลี ภายในเรือบรรทุกเอทิลแอลกอฮอล 1,701 บาร์เรล บังคับการเดินเรือโดยกัปตันเบนจามิน บริกก์ส และลูกเรือ 7 คน มีผู้โดยสาร 2 คนคือภรรยาและบุตรสาววัย 2 ปีของกัปตันบริกก์ส

วันที่ 4 ธันวาคม ปีเดียวกัน เรือ Dei Gratia พบแมรี่เซเลสเต้ลอยลำอยู่ในอ่าวโปรตุเกส หลังจากทำการสังเกตุการณ์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้วก็ลงความเห็นว่าอาจจมีเหตุฉุกเฉินบนเรือแมรี่เซเลสเต้ แม้ว่าจะไม่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ กัปตันเรือ Dei Gratia ได้ส่งเรือเล็กพร้อมลูกเรือจำนวนหนึ่งไปยังแมรี่เซเลสเต้ แต่เมื่อไปถึง กลับไม่มีใครอยู่บนเรือเลย คนทั้ง 10 คนหายสาบสูญไปราวกับละลายไปในอากาศ

ตาม รายงานกล่าวว่า เรือเปียกทั้งลำ แต่ยังอยู่ในสภาพที่เดินเรือได้ นาฬิกาไม่ทำงานและเข็มทิศถูกทำลาย หากสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือ ทุกอย่างบนเรืออยู่ในสภาพที่ราวกับว่าเพิ่งมีคนอยู่ที่นั่นจนเมื่อครู่ และพวกเขาพากันจากไปอย่างเร่งร้อน ขนมปังและจานซุปยังวางอยู่บนโต๊ะ (บางข่าวบอกว่าซุปยังร้อนอยู่ด้วยซ้ำ) ไปป์ถูกวางไว้รอจุดไฟ รองเท้าบู้ธถูกวางทิ้งทั้งๆที่ยังขัดค้างไว้อยู่

มี รอยเลือดเหลืออยู่บนราวรั้วของเรือ และมีการพบดาบเปื้อนเลือดใต้เตียงนอนของกัปตัน บันทึกเดินเรือถูกฉีกขาดไปหลายหน้า แต่ก็ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นว่าคนทั้ง 10 หายไปไหนและก็ไม่มีใครได้เห็นพวกเขาอีกเลยจริงๆ

มี การสันนิษฐานไปต่างๆนานาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นบนแมรี่เซเลสเต้ บ้างก็ว่าเพราะเจอสัตว์ประหลาดปลาหมึกยักษ์ บ้างก็ว่าเพราะไอระเหยของเอธิลแอลกอฮอลทำให้พวกเขาเห็นภาพลวงตา บ้างก็ว่าเพราะอาหารที่เก็บไว้นานจนเกิดสารพิษ

6.หายไปกับเสียงเพลง (เกลน มิลเลอร์ )

หัวหน้าวงดนตรีแจสเกลนมิลเลอร์ หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยระหว่างเดินทางไปแสดงดนตรีขับกล่อมทหารพันธมิตรในกรุงปารีสปี2487 ตำรวจแถลงว่า มิลเลอร์ร้องเพลงครั้งสุดท้ายที่ซัน วัลเลย์ แต่ไม่มีใครพบเขาอีกเลย บ้างพูดว่าเขาถูกทหารอเมริกันยิงโดยไม่ตั้งใจ บางคนบอกว่าเขาช่วยเดวิด นีเวน ช่วยมาร์ลีน เดียทริชจากพวกนาซี และเสียชีวิตหลังมีเรื่องทะเลาะวิวาทในบาร์ บางคนเชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่

7.ใครฆ่ามาริลีน มอนโร (มาริลีน มอนโร ชู้รักประธานาธิบดี)

มักพูดกันว่าผู้ชาย(อเมริกัน) ชอบผู้หญิงผมบลอนด์ แต่สำหรับ มาริลีนมอนโร ดาราสาวเลอโฉมที่ตกเป็นข่าว "กิ๊ก" กับประธานาธิบดี คู่ควงเจ้าพ่อ นักเขียนบทละคร และนักเบสบอล กลับตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมสยองที่สุดคดีหนึ่งเท่าที่เคยเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ปี ค..1962 วันที่ 4 สิงหาคม ตำรวจได้รับแจ้งว่าดาราสาวรวยเสน่ห์สัญลักษณ์ของฮอลลีวู้ด "ฆ่าตัตาย" ตอน 04.25 น. ทั้งที่สตูดิโอภาพยนตร์ทเวนตี เซนจูรี ฟ็อกซ์ โทรไปแจ้งตั้งแต่สี่ชั่วโมงก่อน ทำไมศพของมาริลีนถึงดูไม่เหมือนคนฆ่าตัวตายเลย ทำไมถึงพบยาอยู่ในเลือด แต่ไม่มีในกระเพาะอาหาร ทำไมไม่มีรอยเข็มฉีดยา หรือว่า มาริลีนถูกหมอ เคนเนดี หรืออาจะเป็นซีไอเอฆ่าโดยไม่ตั้งใจ หรืออาจเป็นฝีมือมาเฟีย


8.ความตายของกวี

ความตายของเอ็ดการ์อัลเลน โพ กวีชาวอเมริกัน( Edgar Allan Poe) เจ้าพ่อแห่งเรื่องสยองขวัญ มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่สิบเก้า มีชื่อเสียงเรื่องความดาร์คสุดกู่ ช่างดูมืดมนและลึกลับ เช่นเดียวกับเรื่องราวของตัวเขาหลังจากเขาบอกว่าจะไปเยี่ยมอดีตแม่ภรรยา โพได้ถามถึงจดหมายที่ลงชื่อ อี.เอส.ที. เกรย ส่งหาเขาจากสำนักงานไปรษณีย์ฟิลาเดลเฟีย อีกห้าวันต่อมามีคนพบเห็นเขาที่บัลติมอร์ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนไร้สติ สวมเสื้อผ้าของคนอื่น และเสียชีวิตอีกหนึ่งวันให้หลัง มีคนเห็นว่าเขาถูกสะกดรอยตามตั้งแต่ขึ้นรถไฟ หรืออาจจะมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง

9.คาสเปอร์ เฮาเซอร์ เป็นใคร

ปี2471 ชายหนุ่มท่าทางโง่ๆ คาสเปอร์เฮาสเซอร์ เดินท่อมๆอยู่บนถนนในเมืองเนิร์นแบร์ก เยอรมนี พูดอยู่ประโยคเดียวว่า "ฉันอยากเป็นทหารเหมือนพ่อ" ในกระเป๋าของเขามีจดหมายอยู่สองฉบับ ฉบับหนึ่งเขียนชื่อเขาเอง ส่วนอีกฉบับเป็นจดหมายบอกให้เขามอบให้กับกองทัพ ซึ่งมีข้อความระบุว่าถ้าเขาไม่ได้รับเลือกให้เป็นทหาร ก็เอาเขาไปแขวนคอซะ หลังจากตรวจสอบข้อมูลพบว่า ชายผู้นี้มีอายุเพียง 16 ปี แต่มีสมองและความสามารถสื่อสารได้เท่ากับเด็กหกขวบ แถมยังมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับแกรนด์ ดุ๊ก แห่งบาเดนด้วย แต่ไม่ทันได้ไข เย็นวันที่ 14 ธันวาคม 1833 คาส เปอร์วิ่งพรวดพราดกลับบ้านโดยมีบาดแผลถูกแทงที่หน้าอกด้านซ้าย เขาบอกว่าถูกชายคนหนึ่งแทงขณะที่เขากำลังเดินผ่านสวนสาธารณะ แต่ไม่มีใครเชื่อเขา และจะเรียกหมอก็สายเกินไปแล้ว เพราะ อีกสามวันต่อมาคาสเปอร์ก็ได้เสียชีวิตลง จนปริศนาก็กลายเป็นปริศนาต่อไป ว่าใครฆ่าเขาและฆ่าเพื่ออะไร


10.ใครฆ่าเจมส์บอนด์ ตัวจริง

ลิโอเนลบัสเตอร์ แครบ ถูกรับเข้าเป็นสายลับเอ็มไอ 15 ช่วงเกิดข้อพิพาทคลองสุเอซ เขาได้รับมอบหมายภารกิจให้ค้นหาอุปกรณ์หลบเลี่ยงคลื่นโซนาร์บนเรือรัสเซีย แต่ไม่มีใครพบแครบอีกเลย เชื่อกันว่าเขาอาจถูกสายลับเอ็มไอ 15 ของอังกฤษด้วยกันฆ่าทิ้ง บ้างเชื่อว่าเขาทรยศ ไม่ก็ถูกรัสเซียลักพาตัว และทรมาน ต่อมามีคนพบร่างไร้ศีรษะในชุดมนุษย์กบ ซึ่งเอ็มไอ 15 ยืนยันว่าคือศพของแครบ ทั้งที่ไม่มีทางแน่ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าคือเขา บางทีเขาอาจโดนใบสั่งฆ่าเสียเอง